วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2567

รู้ได้อย่างไรว่าลูกคุณเด็กเป็นอัจฉริยะ และต้องเลี้ยงอย่างไร

 รู้ได้อย่างไรว่าลูกคุณเด็กเป็นอัจฉริยะ และต้องเลี้ยงอย่างไร

.


เด็กอัจฉริยะ หรือ Gifted Child คือ เด็กที่มีความฉลาดทางสติปัญญา ที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กในวัยเดียวกัน เด็ก

อาจมีผลคะแนนไอคิวสูงถึง 130-140 ซึ่งถือว่าเป็นผลคะแนนที่สูงมากเลยทีเดียว

.

เด็กอัจฉริยะ จะมีพัฒนาการที่เร็ว สามารถเรียนรู้ได้ดีกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ซึ่งการเรียนรู้ของเขานั้นจะมากกว่า อายุจริงตัวเองไปอีก 2 ขวบปี เช่น เด็กอัจฉริยะที่อายุจริง 7 ขวบ สามารถทำข้อสอบหรือเข้าใจเนื้อหาการเรียนของเด็กปกติที่มีอายุ 9 ขวบได้ เท่ากับว่าอายุสมองของเขานั้นเท่ากับเด็กปกติ 9 ขวบ ทั้ง ๆ ที่อายุจริงของเด็กอัจฉริยะนั้นเพียงแค่ 7 ขวบ

.

เด็กอัจฉริยะ ที่มีพรสวรรค์พิเศษ บางคนแค่ได้ฟังตัวโน้ตจากการเล่นดนตรี เขาสามารถบอกตัวโน้ตได้ทันที เด็กเหล่านี้ จะแสดงพฤติกรรม ให้เห็นตั้งแต่ก่อนอายุ 2ขวบ

.

เด็กกลุ่มนี้ ในวัย 12ปี จะมีความสามารถเหนือกว่าผู้ใหญ่ในด้านใดด้านหนึ่งเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ดนตรี หรือ ด้านอื่นๆ

.

เด็กอัจฉริยะ ราว3 ถึง 5% ไม่แสดงอะไรเลย จนกว่าเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความตื่นเต้นที่เป็นพ่อแม่ ก็มีหลายคนอยากรู้ว่า จะบอกได้อย่างไรว่า ลูกจะเป็นเด็กอัจฉริยะ หรือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษหรือไม่ ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการเด็กหลายท่าน ได้รวบรวมคุณสมบัติของเด็ก ที่พอจะบ่งบอกถึงลักษณะของเด็กที่เป็นอัจฉริยะไว้ มาลองรับชมกันครับ ส่วนท่านที่ต้องการชมตัวอย่างความอัจฉริยะของคนดังระดับโลก  ติดตามในตอนท้ายๆ ของคลิปนี้ได้เลยครับ รวมมิตรให้แล้วครับ

.

ลักษณะเบื้องต้นของเด็กอัจฉริยะ หรือ ผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษ

.

มีพลังงานในตัวมาก วิ่งเล่นทำอะไรได้ตลอด

.

มีความสามารถในการอ่าน 

เด็กผู้มีพรสวรรค์พิเศษและเด็กอัจฉริยะจะสามารถอ่านหนังสือได้ ก่อนอายุสี่ขวบ ในขณะที่เด็กทั่วไปจะอ่านได้ในช่วงอายุหกถึงเจ็ดขวบ การอ่านนั้นมีหลายขั้นตอนทำให้เขาจดจำและเข้าใจศัพท์มากขึ้น เค้าจะเริ่มสะสมศัพท์และความหมายและค้นพบความสุขในการอ่านเมื่อเติบโตขึ้นโดยอัจฉริยะจะเสพติดการอ่านอย่างมากยกตัวอย่างเช่น คุณนิโคล่า เทสล่า ในสมัยเด็กนั้นเขาได้อ่านหนังสือโดยจุดเทียนอ่านหนังสือชนิดที่หนักหน่วงมาก  คุณพ่อของเขาเกรงว่าสายตาจะเสียเพราะใช้เวลาอ่านหลายชั่วโมงต่อเนื่อง จึงต้องขโมยเทียนไปซ่อนไว้ไม่ให้อ่านหนังสือ แต่เขาไม่ยอมแพ้ เค้าประดิษฐ์เทียนขึ้นมาเพื่อใช้อ่านหนังสือของตนเอง เรื่องของคุณนิโคล่า เทสล่า สามารถติดตามรับชมในช่อง YouTube นี้ได้เลยนะครับในชื่อตอน นิโคล่าเทสล่าและมหาสงครามไฟฟ้า เรื่องราวสนุกมากครับ

.

ขอยกตัวอย่างอัจฉริยะอีกท่านหนึ่งคือคุณวิลเลียม เจม ไซดิส บุคคลท่านนี้บางคนจัดว่าเขามีอัจฉริยะด้วยไอคิวสูงถึง 260 ถึง 300 เลยทีเดียว ในวัยเพียงหกเดือนเด็กชายวิลเลียมก็สามารถอ่าน และ สะกดคำได้แล้วครับคำแรกที่เขาสะกดคือคำว่าดีโอโออา ดอ แปลว่า ประตู  และคำว่ามูล สะกดว่า  m o o n ซึ่งแปลว่าพระจันทร์ นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่ง บุคคลคนนี้เขาสามารถตักรับประทานเองได้ตั้งแต่อายุแปดเดือน ในวัยเพียงห้าขวบเขาสามารถ พิมพ์จดหมายซื้อของได้แล้วสุดยอดจริงๆ ท่านสามารถรับชมได้ในช่วงนี้นะครับ มีเรื่อง ยอดคุณอัจฉริยะ โคตรฉลาดระดับจักรวาล william jame sides  

.

มีความอยากรู้อยากเห็น คอยถามโน่นถามนี่ กับคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆ จากรายงานของ Harvard Business Review  ระบุว่า “ความอยากรู้อยากเห็นมีความสำคัญพอ ๆ กับความฉลาด” และการมีจิตใจที่อยากรู้อยากเห็นก็เป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จที่ดีในอนาคตของเด็ก เด็กที่ชอบถามคำถามจำนวนมากแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะเรียนรู้โดยสัญชาตญาณในขณะที่พวกเขาแสวงหาโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด พวกเขาก็จะสามารถพัฒนาจิตใจและสติปัญญาของพวกเขาต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง


มีช่วงสมาธิที่ดี ยาวนานกว่าเด็กในวัยเดียวกัน คือสามารถเล่น หรือทำอะไรที่ต้องการสมาธิได้ดี ปกติแล้ว ทารกและเด็กเล็กมักมีช่วงสมาธิสั้น และเสียสมาธิได้ง่ายจากเสียงหรือการเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว พวกเขาอาจมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ ประมาณ 10 ถึง 15 นาทีเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำ  แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ เขามักสามารถโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ทำได้เป็นระยะเวลานานตั้งแต่อายุยังน้อย (บางรายก่อนอายุหกเดือน) เมื่อพวกเขาอายุเพียง 10 หรือ 11 เดือน การจับคู่รูปทรง และสีไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา นอกจากนี้คุณอาจเห็นพวกเขาชอบชี้ไปที่ภาพในระหว่างที่คุณอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง หรือแม้แต่พลิกหน้าหนังสือเอง ในขณะที่คุณยังอ่านในหน้านั้นไม่จบ


มีความสามารถในการคิดแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี

มีจินตนาการที่ค่อนข้างแจ่มชัด เช่น เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังได้ว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นนักบิน จะขับเครื่องบินเจ๊ต จะเรียนให้เก่งๆ ฯลฯ


มีความจำที่ดี

ความจำที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กในการเรียนรู้และเก็บข้อมูลใหม่ ๆ ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน ในความเป็นจริงตามที่นักจิตวิทยาและนักเขียน Tracy Packiam Alloway กล่าวว่า“ ความจำในการทำงานไม่ได้เชื่อมโยงกับการเรียนรู้เท่านั้น (ตั้งแต่อนุบาลถึงวิทยาลัย) แต่สำหรับการตัดสินใจในกิจกรรมประจำวันด้วย” คำเตือนคำเดียวจากการศึกษาระบุว่าเด็กที่มีความทรงจำดีๆ ก็โกหกได้ดีกว่า!

.

เป็นคนมาตรฐานสูง ออกแนวอะไรๆก็ต้อง สมบูรณ์แบบ ต้องเนี้ยบ

เด็กฉลาดและผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมีแนวโน้มที่จะสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเอง พวกเขามีความต้องการโดยสัญชาตญาณในการปรับปรุงและทำสิ่งต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น แรงผลักดันนี้ยังช่วยพวกเขาในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และวิชาต่างๆ ในโรงเรียนอย่างสุดความสามารถ การมีสมาธิมากแบบสุดลิ่มทิ่มประตูกับการทำอะไรก็ตามที่พวกเขาสนใจ และตั้งใจให้ผลงานออกมาอย่างดีที่สุด อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคนที่มีไอคิวสูง 

.


ชอบสังคมกับเด็กที่โตกว่าวัยของตนเอง

เด็กที่มีพรสวรรค์มักถูกอธิบายว่าเป็น“ ผู้ใหญ่ตัวน้อย” เนื่องจากมีวุฒิภาวะที่โตเร็ว มีการรับรู้เหตุการณ์ปัจจุบันได้ดี และมีแนวโน้มที่จะสนทนากับผู้ใหญ่แบบเป็นเรื่องเป็นราวได้มากกว่าเด็กคนอื่น ๆ เด็กที่สดใสร่างเริงเป็นพิเศษอาจเป็นคนที่ชอบคุยกับผู้ใหญ่ในงานเลี้ยงวันเกิด แทนที่จะเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ การเพลิดเพลินกับการสนทนาและการชอบบอกเล่าพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในชีวิตของพวกเขาก็เป็นสัญญาณของความฉลาดในเด็กเช่นกัน

.

ชอบอยู่คนเดียว

เด็กประเภทนี้เค้าจะมีความสุขมากในการอยู่คนเดียวเล่นคนเดียว เล่นสนุกระบายสี หรือเล่นไขปริศนาต่างๆ เพียงลำพัง หรือมีเพื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การอยู่ร่วมกันแบบสังคมขนาดใหญ่ไม่ใช่คำตอบสำหรับเขา ครอบครัวที่ดีจึงไม่ผลักดันให้เขาไปอยู่ในสังคมที่เขาไม่ชอบ

.

เล่นดนตรีได้โดดเด่น

จากการศึกษาวิจัย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเป็นนักดนตรีกับความฉลาด และนักวิจัยเชื่อว่าเด็ก ๆ จะได้รับประโยชน์ทางวิชาการเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้ด้านดนตรี พ่อแม่ทุกคนควรเปิดโอกาสให้ลูก ๆ ได้เรียนรู้ดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถพิเศษทางดนตรีก็ตาม นักวิจัยเชื่อว่าการฝึกดนตรีส่งผลกระทบต่อสมองและปลดล็อกความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

.

เด็กอัจฉริยะ เราควรปฏิบัติต่อเขา อย่างไร 

.

คุณหมอ แนะนำว่า ถ้าลูกของคุณอาจเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ ก็ควรให้การสนับสนุน โดยการจัดกิจกรรม และการเล่นต่างๆ ที่เหมาะสมกับเด็ก โดยอย่าได้พยายามบังคับ หรือคาดคั้นให้ทำให้ได้มากอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่ให้โอกาสและเวลาแก่ลูก ที่จะได้ลองทำสิ่งต่างๆ ที่เขามีความสามารถพิเศษเหล่านี้เอง และฝึกฝนจนชำนาญ 

.

ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเด็กที่มีลักษณะพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆ จะเติบโตขึ้นเป็น ไอน์สไตน์ หรือ บีโทเฟน กันทุกคน แต่อย่างน้อย การที่คุณพ่อคุณแม่ได้ให้การสนับสนุนเขาในทางที่ถูก ก็จะช่วยให้เขาได้ใช้ความสามารถพิเศษที่เขามีติดตัวมานั้นได้ดีขึ้น และต่อไป เขาจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ก็คงแล้วแต่ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร

.

ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า แม้ว่าเด็กบางคนอาจไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่ามีไอคิวสูง แต่พวกเขาก็ยังสามารถเป็นอัจฉริยะในอนาคตได้  และเด็กทุกคนมีศักยภาพที่จะก้าวไปสู่ความฉลาดและความสำเร็จในแบบของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่า การเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมเชิงบวกต่อตัวเด็กมีผลอย่างมาก มันจะกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ในแต่ละวันควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณได้ใช้เวลาในการอ่านหนังสือ ได้นอนหลับเพียงพอ ได้รับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกาย และมีลักษณะของความสนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในชีวิตอยู่เสมอ เมื่อสภาพแวดล้อมรอบตัวลูกดีและเหมาะสมสำหรับการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเกิดทักษะ ความฉลาดทางสติปัญญา (IQ)  ได้อีกทางหนึ่ง  และแน่นอนว่าเมื่อพ่อแม่พร้อมสนับสนุนลูกในทางบวกก็จะช่วยให้บุตรหลานของคุณประสบความสำเร็จในอนาคตได้

.

ขอบคุณข้อมูล 

แพทยหญิง จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์

เว็บไซต์ atomnursery.com

เว็บไซต์ amarinbabyandkids.com

เว็บไซต์ parenting.firstcry.com 

เว็บไซต์ learningliftoff.com

เว็บไซต์ starfishlabz.com