นี่คือ ชายคนที่ นิตยสารฟอบส์ ได้จัดอันดับให้ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน
-
ชายคนที่ แฮ็กคอมพิวเตอร์เป็นตั้งแต่อายุ 13 และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุ 17 ปี
-
ชายคนที่ ครองสถิติรวยที่สุดในโลกทั้งหมดมากถึง 18 ปีเต็ม
-
ชายคนที่ รู้จัก พอในชีวิตการงานและความมั่งคั่ง แล้วต่องานการกุศล ด้วยอุทิศตน ทุ่มเทเพื่อคนอื่น อย่างน่าจดจด
-
ชายผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล จนติดตลาดโลก
-
ชายคนที่เรียนเก่ง แต่เรียนไม่จบ และลาออกจากการเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อร่วมก่อตั้งบริษัท
-
ชายคนที่ IBM จ้างเขียนโปรแกรม ในราคาสูง 50,000 ดอลลาร์ ( ในหลายสิบปีที่แล้ว ถือ เป็นเงินมหาศาลมากเลย นะ)
-
ชายคนนี้ เขาคือ บิล เกตส์ เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท microsoft เขาเกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1955 ใน seattle washington ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณพ่อของเขาชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกต คุณแม่ของเขาชื่อ แม็กซ์เวล เกต
พ่อของเขาเป็นทนายความคนที่เก่งกาจ หา ตัวจับยาก ส่วนแม่เคยเป็นครูและต่อมาได้กลายเป็นผู้บริหารในบริษัทการเงินและองค์กรการกุศล
.
เริ่ม วีรกรรมแสบๆ
-
บิลเกตส์ เขาเริ่มเรียนหนังสือที่ เลกไซสคูล และ เริ่มให้ความสนใจในเรื่องการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เด็ก
-
ในวัยเพียง 13 ปี ประมาณ ม.2 เขาได้เห็นโปรแกรมตัวแรกอยู่บนคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน และสนใจมาก เขาสนใจเครื่องคอมพิวเตอร์มาก ถึงขนาดยอมโดดเรียนไปแอบเล่นคอมพิวเตอร์กับเพื่อนซี้ Paul Allen (ซึ่งต่อมาก็คือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft ) ปกติทางโรงเรียนจะกำหนดให้นักเรียนเล่นคอมพิวเตอร์แค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ทั้งสองก็แอบแฮ็กเข้าไปเปลี่ยนระบบเวลาให้พวกเขาได้เล่นแบบไม่จำกัดจนระบบล่มหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงแก้ตารางเรียนของนักเรียนหญิงหน้าตาดีให้มาเข้าเรียนตรงกันกับพวกเขาด้วย
-
วีรกรรมครั้งนี้ ทำให้เขาโดนสั่งห้ามเล่นมันอีก แต่ ยัง ยัง ไม่หยุด ทั่งคู่ เขาติดต่อไปที่บริษัทเจ้าของคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนเช่ามา เพื่อบอกข้อบกพร่องต่าง ๆ ของระบบจนทำให้พวกเขาสามารถแฮ็กได้เพื่อขอแลกเปลี่ยนกับการที่พวกเขาจะกลับเข้ามาใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อีกครั้ง ว้าว.. แฮกเกอร์ผู้มีศีลธรรม
.
ต่อมาในช่วงมัธยมปลาย เขาและเพื่อน ก็เริ่มพัฒนาระบบบัญชีเงินเดือนของโรงเรียน
.
ในขณะที่เขามีอายุเพียง 17 ปี เขาได้ร่วมกันก่อตั้งกิจการ กับ พอล แแลเลน ที่เรียกว่า ทราฟ โอ ดาต้า ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนี้ เป็นแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลบนถนนและวิเคราะห์ข้อมูลให้กับวิศวกรการจราจร แต่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ ขาดทุนไปราว 3,494 ดอลลาร์
-
เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในปี 1973 ผลการเรียนของบิลเกตนั้นเป็นที่สุดจริงๆ เขาทำคะแนนได้ 1590 คะแนนจากทั้งหมด 1,600 คะแนนในการสอบ SAT เขาทำคะแนนได้ดีขนาดนี้ แต่กลับเลือกปฏิเสธมหาวิทยาลัยระดับโลก เลือกไปเรียนกฎหมายตามพ่อที่เป็นทนายความ แต่ในเวลาว่างจากการเรียน เขามักจะใช้เวลาจดจ่ออยู่กับเรื่องคอมพิวเตอร์ที่เขาชอบ (ถึงจะไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ให้หลัง 32 ปี ในปี 2007 เขาก็กลับไปรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด)
.
ในปีเดียวกันนั้น เขาก็ลงทะเบียนเรียนต่อที่วิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ดูเขาจะเป็นคนคลั่งไคล้คอมพิวเตอร์เสียมาก เพราะเขา ใช้เวลาส่วนใหญ่คลุกคลีอยู่กับคอมพิวเตอร์มากกว่าการเรียนหนังสือด้วยซ้ำไป
.
บิล เกตส์ เห็น แสงสว่างแล้ว ว้าว มันจ้ามาก มันจ้ามาก นี่แหละ อนาคตเรา
--
มีครั้งหนึ่ง เขาได้อ่านเจอเรื่องราวของ “ไมโครคอมพิวเตอร์” รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า Altair BASIC 8800 ในบทความของนิตยสาร Popular Electronics Altair BASIC คือภาษาโปรแกรมระดับสูงภาษาแรกที่ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ ตัวเค้าเอง แน่นเรื่องการเขียนโปรแกรมอยู่แล้ว เค้าเลยมองว่า นี่คือ โอกาสทางธุรกิจ เพราะคอมพิวเตอร์กำลังจะได้รับความนิยมในวงกว้าง เพราะจะมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่มีขนาดใหญ่และใช้ยาก และ ที่สำคัญเลย สิ่งที่คอมพิวเตอร์ขาดไม่ได้ก็คือ ซอฟต์แวร์หรือระบบปฏิบัติการที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ ....ว้าวมาก ฉลาดจริงๆ
-
บิล เกตส์ และ พอล แอลเลน ชวนกันติดต่อไปที่บริษัท MITS ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่อง Altair BASIC 8800 และโม้ว่า ตนเองมีโปรแกรมที่ ใช้กับมันได้ดีมาก ทั้งที่ยังไม่ได้เขียนเลย เหตุนี้เอง เขาเลยถูกชวนให้ไปร่วมงานใน บริษัท MITS
-
ต่อมาในปี 1975 บิล เกตส์ เขายังเรียนอยู่ แต่ในหัวนี่ หมกหมุ่นแต่คอมพิวเตอร์ จน พอล เอ่ยปากว่า คุณรักมันมาก ก็ออกมาทำมันเลยสิ เขาทั้งสอง ก็ร่วมกันก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ ขึ้นมา ในวัย 21 ต้องตัดใจลาออกจากการเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อร่วมก่อตั้งบริษัท
.
ในช่วงแรกๆนั้นพวกเขาได้ทำการปรับภาษาในการเขียนโปรแกรมยอดนิยมต่างๆ ให้ลงมาใช้งานบน micro computer ให้ได้ จุดนี้เองทำให้เป็นการพิสูจน์ได้ว่า คอมพิวเตอร์ของ microsoft นั้นสามารถใช้เขียนโปรแกรมเพื่อระบบต่างๆได้ดี
.
ในปี 1980 ผลงานของเขาก็เข้าตา IBM พวกเขาได้รับการท่าทางจากบริษัทไอบีเอ็ม เพื่อให้เขียนตัวแปลภาษา เบสิก เพื่อบรรจุลงในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในแบรนด์ของ บริษัท IBM
.
แต่เขาก็ไม่หยุดพัฒนา microsoft ยังเขียนระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เรียกว่า PC DOS พวกเขาเขียนซอฟต์แวร์ตัวนี้ส่งมอบให้บริษัท IBM แลกกับค่าธรรมเนียมสูงถึง 50,000 บาทดอลลาร์ ทำให้ IBM ขายดีถล่มทลาย เมื่อเจ้าอื่นรู้ก็แห่กันมาสิครับ รวยเละเลยคราวนี้
.
ต่อมาในวันที่ 20 พฤศจิกายนปี 1985 microsoft ได้เปิดจำหน่ายซอฟต์แวร์ ชื่อ microsoft windows ซึ่งมันอยู่บนพื้นฐานของ ระบบ microsoft dos
.
ในเดือนสิงหาคมของปีถัดมา microsoft ได้ทำสัญญากับบริษัท ibm เรื่องการแย่งระบบปฏิบัติการใหม่ซึ่งเราเรียกว่า os/2
—----------------------------------------------
.
13 มี.ค. 1986 บิล เกตส์ ได้นำพา Microsoft เข้าสู่ตลาดหุ้น Nasdaq ได้สำเร็จ
-
หลายปี มา windows เป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมของบุคคลทั่วไป มันเข้าครอบครองตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลก เรียกได้ว่าคอมพิวเตอร์ 90% ทั่วโลกกลายเป็นของ microsoft ไปแล้ว
.
ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขนาดนี้ทำให้ บิลเกตส์ ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินอย่างสูง
.
ไม่ใช่จะเพียง บิล เกต คนเดียวที่ร่ำรวยในครั้งนี้ แต่ผู้ถือหุ้นรายต่างๆของ microsoft ก็พากันอู้ฟู่มั่งคั่งเต็มไปหมด บิลเกตส์ คือ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกต่อเนื่องกัน 13 ปี และหากรวมถึงปี 2014-2017 ที่เขากลับมาทวงตำแหน่งได้อีกครั้ง รวมแล้วเขาครองสถิติรวยที่สุดในโลกทั้งหมดมากถึง 18 ปี
.
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ในปี 1989 microsoft เดินหน้าเปิดตัวโปรแกรมสำนักงานชื่อ microsoft office โปรแกรมในชุดนี้ชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ใช้เช่นโปรแกรม microsoft word โปรแกรม microsoft excel โปรแกรม microsoft powerpoint และอื่นๆ
.
นับเป็นการจัดชุดโปรแกรมมาเพื่อให้ทำงานได้อยู่ในที่เดียวทั้งหมด ถ้าเป็นยุคนี้คงเรียกว่าจักรวาลของ microsoft
.
ความสำเร็จในรอบนี้ดูเหมือนจะทำให้ microsoft office กลายเป็นผู้ผูกขาดในคอมพิวเตอร์บุคคลไปซะแล้ว
.
ความรักของบิลเกต
.
บิลเกตได้พบกับ เมอรินด้า เฟรนช์ ในกี 1989 เธอคือ ผู้หญิงสาวสวยที่ทำงานใน microsoft เขาและเธออายุห่างกัน 10 ปี เขาและเธอได้สมรสกันที่ เกาะฮาวาย ในวันที่ 1 มกราคมปี 1994 ในขณะนั้นบิวเคดมีอายุ 38 ปีและเมอรินด้ามีอายุเพียง 29 ปี
.
ต่อมาเขาและเธอก็มีบุตรด้วยกัน 3 คน
.
ในปี 1990 microsoft ก็ได้เปิดตัว ระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชั่นแรกของ ไมโครซอฟท์เอง ในนาม windows 95 ( มาถึงจุดนี้เชื่อว่าใครหลายคน คงเกิดทันและได้ใช้มันนั่นแปลว่าคุณต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 40 แน่นอน )
.
microsoft ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและทยอยเปิดตัว windows รุ่นใหม่ๆเช่น windows 2000 windows XP และ windows vista
-
ห้วงเวลาแห่งการสูญเสีย และจุดเริ่มต้นของการให้
-
ในปี 1994 แม่เขาจากไปจากโรคมะเร็ง ทำให้เขาเสียใจอย่างมากระดับสติแตก ครั้งหนึ่ง เขาถูกตำรวจเรียกให้หยุดรถหลังขับรถด้วยความเร็วสูง แต่การสูญเสียแม่ก็ผลักดันให้เขาหันมาทำงานการกุศลมากขึ้นตามความตั้งใจที่แม่ฝากเอาไว้กับเขาผ่านจดหมายที่เขียนถึงลูกสะใภ้ Melinda Gates ในงานแต่งงานว่า “ยิ่งให้ก็ยิ่งได้” หลังจากนั้นอีก 6 เดือน Mary ก็เสียชีวิต หลังจากนั้น Bill บริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์ให้กับมหาวิทยาลัยวอชิงตันเพื่อจัดตั้งทุนการศึกษาในชื่อ Mary Gates
-
ในปี 1998 กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ฟ้อง Microsoft ต่อศาลในข้อหามีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันในตลาดหรือผูกขาดตลาดจากกรณีที่ Microsoft จำหน่ายเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer (IE) พ่วงไปกับระบบปฏิบัติการ Windows ที่เป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก ต่อมาในปี 1999 ศาลได้ตัดสินให้ Microsoft ต้องแยกขายระบบปฏิบัติการและเว็บเบราว์เซอร์รวมถึงซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการออกจากกัน เขาถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับต่อคณะกรรมาธิการยุโรปที่ตัดสินว่า Microsoft มีพฤติกรรมละเมิดมาตรฐานด้านความสามารถในการแข่งขัน โดยต้องจ่ายค่าปรับมากถึง 794 ล้านดอลลาร์
.
ลงจากตำแหน่ง ส่งไม้ต่อ
.
ในปี 2000 เดือนมกราคม อยู่เขตประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ microsoft อย่างสง่างาม
.
แต่เขาก็ยังรักในงานที่ทำ จึงสร้างตำแหน่งให้ตัวเองในนาม หัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ ของไมโครซอฟต์ แต่ยังคงตำแหน่งประธาน microsoft ไว้
.
ทั้งนี้ ในส่วนในงานด้านอื่นๆ นั้นเขาค่อยๆ ถ่ายโอนให้กับ CEO คนใหม่ต่อไป
.
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 เขาก็ประกาศอำลตำแหน่งประธาน microsoft อีกครั้ง
.
และผันตัวเองไปเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีให้กับ CEO คนใหม่ นั่นก็คือ คุณสัตยา นาเดลา
.
บิล เกตส์ และภรรยาของเขาได้รับรางวัลสูงสุดที่มอบให้พลเรือน ในระดับ 3 ในด้านการทำงานเพื่อสังคมในประเทศอินเดีย
.
ในปี 2016 ประธานาธิบดี ปารัก โอบามา มอบเหรียญเชิดชูเกียรติซึ่งเป็นเหรียญแห่งน่าชื่นชมในการอุทิศตนเพื่แการกุศล
-
แนวคิดบิลเกตส์
-
“ความสงสัย” เป็นกุญแจสำคัญของผู้นำในการแสวงหาความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดและมันก็ได้พิสูจน์มาหลายครั้งตลอดชีวิตของเขาว่า การมีความรู้ไว้เต็มกระเป๋า ช่วยให้เขาเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท Microsoft
-
ลำดับความสำคัญ
-
“สำคัญหรือไม่สำคัญ” และตัดสินใจได้ว่างานใด “เร่งด่วนหรือไม่เร่งด่วน” จากนั้นต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะแน่นอนว่า ใคร ๆ ก็รู้หลักการของว่า สิ่งที่สำคัญและเร่งด่วนคือสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก แต่บทที่จะต้องทำจริง ๆ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ยาก การฝึกฝนเป็นประจำจะช่วยให้เรารู้และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
-
.
ขอคำคมๆ หน่อยครับ
-
มันก็ดีนะที่จะยินดีกับความสำเร็จ แต่ที่สำคัญกว่าคือบทเรียนแห่งความผิดพลาด
-
“การเฉลิมฉลองความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการใส่ใจบทเรียนจากความล้มเหลว”
-
นี่เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในการเข้าสู่โลกธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า มากกว่าที่เคยเปลี่ยนแปลงมาในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
-
ลูกค้าที่ไม่พึงพอใจที่สุดของคุณคือแหล่งเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ”
-
ทรัพย์สินทางปัญญามีอายุการเก็บรักษาเท่ากับกล้วย
-
“กฎข้อแรกของเทคโนโลยีใดๆ ที่ใช้ในธุรกิจก็คือ การใช้ระบบอัตโนมัติกับการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประการที่สอง การใช้ระบบอัตโนมัติกับการดำเนินการที่ไม่มีประสิทธิภาพจะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพมากขึ้น
-
ขอขอบคุณ
inc.com และ
brainyquote.com และ
finnomena.com และ
Business insider.com และ
วิกิพีเดีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น