วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สัมภาษณ์ผู้หญิง ที่ฉลาดที่สุดในโลก IQ228








สัมภาษณ์ผู้หญิง ที่ฉลาดที่สุดในโลก
.
มาริลิน วอส ซาวองต์ เธอคือ ผู้หญิงที่ถูกวัดไอคิวและได้สูงสุดระดับโลก จนกินเนสบุ๊คเวิลด์เรคคอร์ด ต้องบันทึกชื่อเธอไว้
.
มาริลิน วอส ซาวองต์ ในปัจจุบันเธอเป็นคอลัมนิสต์ ,เป็นนักประพันธ์ ,เป็นบรรณาธิการ, เป็นผู้บริหารของบริษัทผลิตหนังสือแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับชาติในนาม นิตยสาร พาเหรด ในขณะเดียวกันเธอก็มีตำแหน่ง ผู้หญิงอัจฉริยะระดับโลก ที่วัดไอคิวได้สูงถึง 228 เลยทีเดียว
.
มาริลิน วอส ซาวองต์ เธอเล่าไว้ในรายการ full frame ออกอากาศเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมปี 2016 ซึ่งรายการนี้ ออกอากาศในช่อง CGTN america เธอได้เข้ามาร่วมให้สัมภาษณ์กับคุณไมค์วอเตอร์ ใน studio ที่ new york สหรัฐอเมริกา
.
เนื้อหาในรายการ เธอได้เล่าถึงชีวิตส่วนตัวและชีวิตในความเป็นอัจฉริยะมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
.
เริ่มต้นรายการ โดยพิธีกรได้แนะนำว่า เธอคือผู้หญิงที่ฉลาด และทำอาชีพเป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งมีชื่อเสียงระดับชาติ เธอถูกวัดไอคิวล่าสุดตอน 10 ขวบมีคะแนนสูงถึง 228 แต่ปิดไว้เป็นความลับ
.
ต่อมาในปี 1986 ก็มีข่าวลือเรื่องของเธอออกมา คราวนี้ชื่อเธอจึงติดอันดับสูงสุดของ กินเนสเวิลด์เรคคอร์ดบุค ในนั้นระบุว่า เธอคือผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโลก
.
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เธอมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ เพราะว่าเธอมีไอคิวมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า แถมมีคะแนนเกินกว่าคนปกติด้วย
.
ตอนนี้เธอเปิดคอลัมน์ชื่อว่า ถามมาริลีน
ให้กับนิตยสารพาเหรด มาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว
นิตยสาร sunday รวบรวมไว้ว่ามีผู้อ่านเรื่องของเธอแล้วประมาณ 80 ล้านคนทั่วอเมริกา
.
แต่ละคำตอบ ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง เพราะเธอมีประสบการณ์ในความเป็นแม่ เป็นภรรยา เป็นคุณย่า และเป็นนักเต้นรำด้วย
.
เท่าที่เกริ่นมา ผมว่าเธอก็ชีวิตไม่ธรรมดานะครับ พิธีกรชาย กล่าวไว้
.
และพิธีกรชายก็กล่าว ถามเธอว่า ในตอนนั้นเขาไม่ได้บอกคุณหรือ ว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา
.
เธอกล่าวว่า จริงๆ แล้ว เธอถูกว่าวัดไอคิวตอน 8 ขวบ 9 ขวบ 10 ขวบ และ 11ขวบ ทุกคนรู้คะแนน ที่ฉันได้กันหมดเลย คุณครูก็รู้ คุณแม่ก็รู้ เพื่อนๆ ของฉันก็รู้ แต่ก็ไม่มีใครบอกฉันว่า คะแนนที่ได้มันยาก แค่ไหนฉันเลยรู้สึกปกติ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ฉันคิดว่า ในโลกนี้ คงมีคนทำคะแนน ได้เท่าฉัน อยู่สองถึงสามคน ฉันก็เป็นคนหนึ่งไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย การที่ฉันได้คะแนนมากขนาดนั้น ฉันไม่เห็นมีความสำคัญอะไร ที่ผู้หญิงอย่างฉันจะใช้ประโยชน์จากมันได้ ฉันจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางใดทางหนึ่งเลย
.
พิธีกรชายกล่าวว่า คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่า เขาเลี้ยงดูคุณให้เป็นอัจฉริยะอย่างนี้ได้ยังไง ยากแค่ไหน เขาตอบสนองต่อความเป็นใช้อัจฉริยะของคุณอย่างไร
.
มาริลีน เธอตอบว่า ฉันไม่คิดว่าเขาให้ความสนใจมากนัก คุณต้องเข้าใจภูมิหลังของฉันก่อน ปู่ย่าตายายฉัน เป็นคนงานในเหมืองถ่านหิน ปู่ของฉันย้ายมาจากประเทศเยอรมนีและอิตาลี ปู่ ของฉัน ตายในเหมือง ตาของฉัน บาดเจ็บสาหัส ต้องใช้ไม้เท้าเดินตลอดชีวิต เขามุ่งทำงานหาเลี้ยงชีพ เขาไม่ได้มาสนใจเด็กน้อยอย่างฉันหรอก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ฉันเป็นเด็กผู้หญิงด้วยกระมัง
.
ฉันรู้ ว่าคนส่วนใหญ่ให้เกียรติฉันในแง่ของความฉลาด ฉันคิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องฉลาดมาก ขอแค่พวกเขามีความรู้และประสบการณ์ตรง มีการศึกษาเฉพาะทางในอาชีพของเขา แค่นั้นก็พอเหมาะแล้ว ฉันคิดว่าเรากำลังสับสนกับคำว่าความฉลาด ฉันคิดว่าคนที่ฉลาดแท้จริง คือคนที่สามารถ ประมวลผลขัอมูล ที่คุณมีอยู่ในมือได้ดี มันต้องเป็นแบบนั้นแหละคะ
.
เธอกล่าวว่า มองย้อนกลับไปในอดีต การเป็นอัจฉริยะ ทุกคนต้องคิดว่า โอ้วต้องเป็น นักวิทยาศาสตร์แน่ๆ แต่ฉันคิดต่างนะ ตอนอายุได้ 13-17ปี เป็นนักการเมืองก็ไม่เลว ดีกว่าส่องกล้องจุลทรรศน์อีก
.
พิธีกร ถามว่า การมีไอคิวระดับนี้ มีคือของขวัญวิเศษ หรือว่า มันเป็นภาระ
.
เธอตอบว่า มันเป็นของขวัญนะคะ ไม่ใช่ภาระเลย แต่บางครั้งฉันก็สับสนไม่รู้จะไปถามใครได้อีก
.
ผมขอถาม เกี่ยวกับการแต่งงานของคุณ ที่ไม่ปกตินะ ผมหมายถึงว่าสามีของคุณเป็นคนมีชื่อเสียงมาก ระดับโลก เพราะเขาช่วยให้ผู้คนมีชีวิตรอด เขาโคตรฉลาด ผมถามคุณตรงๆ เลย การจะเลือกคู่ครองของคุณ จำเป็นต้องเลือกบนพื้นฐานที่มีสติปัญญาสูงๆไหม
.
เธอตอบว่า ฉันไม่ได้ข่มขู่บังคับเขานะ แค่เรามีเรื่องที่ทำและมีความสุขร่วมกัน นั่นหมายถึง การให้และการรับทางสติปัญญา ซึ่งฉันก็ทำอยู่ให้กับคนจำนวนมาก ฉันทำโดยผ่านการเขียนคอลัมน์ที่ฉันมี ใน พาเหรด แมกกาซีน นั่นดีสุดแล้ว
.
เธอกล่าว อีกว่า ผู้คนที่กำลังมองหาคำแนะนำ แรงบันดาลใจ ความช่วยเหลือความหวัง ฉันพยายามนำเสนอสิ่งเหล่านั้นให้พวกเขาทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันทำได้
ไม่ว่าจะคนระกับไหน ก็แบ่งปันและรับปัญญาได้หมด
.
(แม๋ เธอสวย และ ฉลาดตอบ แบบนางงามจักรวาลเลยนะเนี่ย )
.
แล้ว ที่คุณทำ มันเริ่มมาอย่างไรครับ
.
ฉันเริ่มเขียนบทความ เกี่ยวกับตัวฉันในโรง ภาพยนตร์ ตอนนั้นฉันคิดเอง ว่าฉันเป็นบรรณาธิการ ถ้ามีคนถามคำถามมา
พื้นฐานๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันไม่รู้ จนถึงคำถามวิชาการยากๆ คำถามปรัชญาที่สร้างความงุนงง มาหลายศตวรรษ เราจะถามใครดี อ๋อ ต้องถาม มาริลีนสิ แต่ในความจริง คำถามมากมายแต่ ฉันตอบได้ และสนุกดีด้วย พวกเขาพอใจมากนะ
ก็เลยจริงจังทำเป็นคอลัมน์เลยละกัน
ฉันดีใจนะ ที่คนในอเมริกาและทั่วโลกได้คำตอบที่อิ่มเอมใจกลับไป มันสนุกมากด้วย
.
พิธีกรชายถามว่า สมมุติว่าคุณเป็นเด็กอัจฉริยะผู้หญิง ที่มาเกิดในช่วง 3-4 ปีหลังนี้ ขอบคุณที่ทำการปฏิบัติอย่างไร
.
เธอตอบว่าแน่นอน เขาควรได้รับการปฏิบัติที่ดีต่อพวกเขา
.
แล้วเรื่องเพศ มีผลไหมคับ
.
เธอตอบว่า แน่นอนผลจากการได้เป็นเด็กผู้หญิงย่อมจะมีความข้อดี ข้อด้อยเฉพาะทางเป็นหลักอย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิงจะมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศมากกว่า ฉันมองว่าเรื่องนี้เป็นความเสียหายนะ แต่มันก็มีผลดีสำหรับบางมุมนะเช่นเรื่องของความบันเทิงเรื่องของความงาม เหมาะกับการเป็นนางงามนักแสดงและนางแบบอะไรประมาณนั้น แต่ถ้าคุณเอามุมนี้มาใช้กับ เรื่องการเมือง เรื่องธุรกิจ หรือเรื่องอื่นๆที่ผู้หญิงพยายามจะผลักดันตัวเข้าไป ลองคิดดูว่าถ้าคุณแต่งหน้าสวยๆ จนเป็นที่น่าดึงดูดใจคนอื่น มันไม่ค่อยเข้าเลย มันควรต้องตัดออกหรือแต่งหน้าบางๆ จะดูเข้าเรื่องกว่านะ
.
ok ครับผมผมมีคำถามสุดท้ายจะถามคุณนะครับ ผมเองชอบลืมว่าตนเองเอากุญแจไปไว้ที่ไหน แล้วก็เดินวนหารอบบ้าน ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันควรอยู่ที่ไหน อันนี้เป็นประจำเลยครับคุณเคยเป็นแบบผมไหมครับ
.
เธอตอบว่า ไม่ต้องแปลกใจฉันก็เป็นเหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกตินะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันรู้ฉันทีว่าใครๆก็ตามเมื่ออายุเข้าเลข 50 เดี๋ยวก็เป็นทุกคน วิธีแก้ไขนะคะ คุณควรฝึกสมาธิ ทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองค่ะ
.
มารับชมคอมเม้นจากโลกโซเชียลกันครับ
.
มันน่าแปลกใจที่นามสกุลของเธอแปลได้ว่าเป็น นักปราชญ์ พอดิบพอดี
.
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารัก รู้สึกสดชื่นในสิ่งที่เธอทำ เธอเป็นนักเขียนนักสื่อสารที่ค้นพบความสุขในการรับใช้ผู้อื่นผ่านงานเขียนของเธอ แต่สามารถหาเลี้ยงชีพได้เธอคือผู้ฉลาดที่แท้จริง
.
ฉันดูแล้วเธอเป็นคนมีความฉลาดทางอารมณ์ด้วย เป็นส่วนผสมอย่างธรรมชาติผสมไปกับไอคิวของเธอและฉันชอบมากเมื่อเธอเรียกร้องสิทธิ์ให้ผู้หญิงรู้จักเคารพในตนเอง ไม่ทำลายความสำเร็จของตนเองและคอยช่วยเหลือโลกอย่างดีเยี่ยม
.
ฉันว่าเธอมีความฉลาดในทัศนคติที่ดี ขอขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ
.
ฉันเองเป็นวิศวกรการบินและอวกาศฉันจบมาในวิทยาลัยปี 89 ตอนนั้นคุณครูบอกว่าฉันเก่งคณิตศาสตร์ แล้วเธอก็บอกฉันว่า จะใช้ประโยชน์จากมันได้ยังไงในชีวิตจริง ลองคิดสิ นึกไม่ออกเลยถ้าไม่มีคนให้กำลังใจแนะแนวทางฉันได้ตัวนั้นมันจะได้แบบนี้หรือไม่
.
ฉันชอบวิธีการที่เธอตอบดูมีจังหวะมีการแยกประเด็นและกระชับดีคำตอบคือยอดเยี่ยมและเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเป็นนักคิดที่เหนือกว่าคนอื่น
.
ท่าทางของเธอมีระดับและสง่างามเป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาดครบจริงๆ
.
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาจริงๆสง่างามและใจดีมาก
.
คะแนนสอบ IQ ของฉันคือ 169 คะแนนฉันไม่เคยสนใจมันเลยฉันไม่ได้ไปเรียนต่อด้วยซ้ำไปเพราะมาในชีวิตฉันคือครอบครัวฉันขับรถบรรทุกมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วฉันเลี้ยงดูภรรยาและครอบครัวฉันเล่นกอล์ฟเล่นบาสเกตบอลเพื่อความสนุกสนานและออกกำลังกาย IQ สูงช่วยฉันได้ในเรื่องการเรียนรู้อย่างรวดเร็วและง่ายดายทำให้ชีวิตได้เปรียบเล็กน้อยมันก็แค่เท่านั้น
.
มาริลีนเธอเป็นคนถ่อมตัวจริงๆเป็นคนดีจริงๆในปี 1986 ฉันเคยดูเธอ จนมาถึงตอนนี้เธอก็ยังถ่อมตัวเสมอ
.
ขอขอบพระคุณสำหรับการรับชมครับ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเธอ ส่งคอมเม้นมาได้ครับ
.
ขอขอบคุณ
เว็บไซต์ CGTN.com และ
ช่องยูทูป Sandeep Desai และ
ช่องยูทูป Gideon thadai และ
ช่องยูทูป Harold channer และ
ช่องยูทูป phoneia และ
ช่องยูทูป women power และ
ช่องยูทูป vault และ
ช่องยูทูป Hammer Rome52 และ
ช่องยูทูป news think
อินสตาแกรม ช่อง girlboss.talking
-

#สัมภาษณ์ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโลก
#ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโลก #mirilyn vos savant
#the genius woman #คำคม #ผู้หญิงเก่ง #ผู้หญิงแกร่ง #แรงบันดาลใจ #Thailand #inspiration #คำคมภาษาอังกฤษ #แคปชั่น #quoteoftheday #คำคมเด็ด #GirlBossTalking #พลังบวก #inspirationalwomen #influentialwomen #คิดบวก #เปลี่ยนแปลงตัวเอง #ผู้หญิงสายสตรอง #ความสำเร็จ #ก้าวไปข้างหน้า #โค้ชชีวิต #marilynvossavant

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ตำนานราชาแห่งมอเตอร์ไซต์ HONDA


 


โซอิจิโร่ ฮอนด้า เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้า และเป็นหนึ่งใน นักธุรกิจที่ทรงอิทธิพล มากที่สุดของญี่ปุ่น ชายผู้นี้อยู่เบื้องหลัง Honda Motor Company ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก 

-------




ชายคนนี้

เขาคือ ราชาแห่งมอเตอร์ไซค์ เบอร์ 1 ของโลก

เขาคือ ตัวอย่างที่ดีสุด ของผู้เริ่มต้นจากความยากไร้ สู่แบรนด์ระดับของโลก

เขาคือ เด็กยากจนคนหนึ่ง จากต่างจังหวัด สู่ธุรกิจมูลค่าทรัพย์สิน 1 ล้านล้านบาท

เขาคือ ผู้วางรากฐาน สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุค

เขาคือ ผู้ผลิตรถ ที่คว้าชัยชนะในสนามแข่ง ทั้งยานยนต์สองล้อและสี่ล้อ 

เขาคือ ชายคนเอเชีย ถูกจารึกในทำเนียบปูชนียบุคคลยานยนต์โลก

เขาคือ ชายคนที่เป็นสุดยอด แห่งการยืนหยัดต่อสู้ จากขี้เมาข้างถนนสู่มหาเศรษฐี

เขาคือ ชายคนที่เป็น สุดยอดนักประดิษฐ์จากเศษซากแห่งสงคราม

เขาคือ เด็กเรียนไม่เก่ง แต่ปรับเปลี่ยน mindset เข้าสู่โหมดการเรียนรู้เฉพาะทาง และพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้

เขาคือ ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เขาคือ ผู้นำการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังระดับโลก ในนามฮอนด้า ดรีม

เขาคือ ผู้สร้างยอดขายรถยนต์ถล่มทลายในอเมริกา ในนาม Honda Civic

เขาคือ ผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด รุ่น Insight และ Clarity

เขาคือ ผู้ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ มากมายตั้งแต่ จักรยาน  หุ่นยนต์ จนถึงระดับเครื่องบินเลยทีเดียว

-

คนคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ กว่าจะมีชื่อติดระดับโลกแบบนี้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง สาหัสขนาดไหน มารับชมกันครับ

-

ครอบครัว ฮอนด้า

คุณ โซอิจิโร ฮอนด้า  เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 1906 ที่บ้านคอมโยะ ในอิวาตะ  จังหวัด ชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น บ้านของเขาตั้งอยู่ที่เชิงเขา ภูเขาไฟฟูจิ ดินแดนที่เต็มไปด้วยแผ่นดินไหว  ตัวเขาเองมีความหลงไหล ในเครื่องจักร และการทำงานของเครื่องยนต์ตั้งแต่วัยเยาว์  คุณพ่อของเขา คือคุณ เกไฮ และคุณแม่คือคุณมิกะ  (ขออภัยหากอ่านออกเสียงผิดนะคับ) คุณพ่อท่านเป็นชาวนาที่ชอบงานช่าง แต่ช่วงว่างก็รับซ่อมจักรยาน ตีเหล็กและงานอื่นๆ คุณพ่อเขามีทักษะด้านงานช่างฝีมือ และงานซ่อมที่ยอดเยี่ยมมากๆ  ส่วนด้านคุณแม่ ก็ทำงานเย็บปักถักร้อยและเป็นแม่บ้าน ความเป็นอยู่ในย่านนั้น เรียกว่า ยากจนแร้นแค้นเลยก็ว่าได้

-

ในวัยเด็ก

-

เขาเป็นคนไม่ชอบไปเรียนหนังสือ ไม่ชอบการอ่าน ไม่ชอบการเขียนเลย เขาหลงไหลในเครื่องยนต์และจักรกลมากกว่า ทำให้ในวัยเด็กของเขา   เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วยงานพ่อเขา มากกว่าจะอยากไปโรงเรียน

.

เมื่อเขาไม่อยากไปโรงเรียน  ทำให้ผลการเรียนของเขาตกต่ำมาก เมื่อคุณครูส่งจดหมายมาที่บ้าน เพื่อแจ้งเรื่องผลการเรียน เขาไม่อยากให้พ่อได้รับทราบเรื่องนี้ ไม่อยากให้พ่อต้องลงลายมือ ในเอกสารรับทราบ เขาจึงประดิษฐ์ ตราประทับปลอม ประทับตราลงไปแทนลายมือพ่อของเขา ซึ่งต่อมาพ่อเขาจับได้ และลงโทษเขา โดยการให้นั่งคุกเข่า และไม่ให้รับประทานอาหารกลางวัน

.

วันหนึ่ง โซอิชิโร กำลังเล่นอยู่ ทันใดนั้น เขา ได้ยินเสียงกึกก้องของอะไรบางอย่าง ซึ่งมันสามารถเคลื่อนที่ได้ เขาแปลกประหลาดใจ แล้วรีบวิ่งไปดู นี่คือครั้งแรกที่เขาได้พบเห็น เครื่องจักรประหลาดชนิดหนึ่งมีล้อ 4 ล้อที่ มันสามารถขับเคลื่อนได้  คนสามารถนั่งบนมันได้ สิ่งนี้คือ รถยนต์ 4 ล้อ ของ ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่น t  รถยนต์ของฟอร์ด คันนี้ ทำให้เขาต้องตกตะลึง มันเป็นเครื่องจักรที่แสนพิเศษ มันช่างตราตรึงใจ สำหรับเด็กคนนี้มาก เขาเกิดความสงสัยว่า มันขับเคลื่อนได้ยังไง และแล้วเขาก็วิ่งตามมัน เพื่อให้ได้ใกล้ชิดมันมากที่สุด

.

 เมื่อครั้ง เขาเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 เด็กชายโซอิชิโร  ได้มีโอกาสเห็นเครื่องบิน ในเดือนถัดมาหนูน้อยโซอิชิโร  พยายามแต่งตัวให้เหมือนนักบินมากที่สุด

.

ในปี 1922 เขาอ่านหนังสือพิมพ์และเห็นข่าวที่น่าสนใจ ในเนื้อข่าวระบุว่า บริษัทที่ให้บริการรถยนต์ในโตเกียว ชื่อว่า อาท โชไก  ต้องการรับสมัครคนเพื่อมาร่วมทำงาน เขาตัดสินใจส่งจดหมายขอเข้าร่วมงานและ เขาก็ได้งาน

-


ช่วงชีวิตวัยหนุ่ม 


ในวัย 15 ปี เขาจากบ้านที่แสนยากจน มุ่งหน้าสู่เมืองโตเกียว ที่แสนเจริญ ด้วยความคาดหวังว่าจะหางานเพื่อทำให้ชีวิตตนเองดีขึ้น ในร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ แต่งานที่เขาได้รับกลับเป็นงานเลี้ยงลูกของเจ้าของร้าน และงานเก็บกวาดขยะที่ร้าน เขารู้สึกหมดหวังและทำงานเก็บเงินไม่ได้เลย ในใจเขาก็อยากกลับบ้าน แต่ก็ทนทำต่อไป

ต่อมาเขาเริ่มได้รับความไว้วางใจ และขยับเข้ามาสู่ระบบงานซ่อมบำรุงเครื่องยนต์

การทำงานที่นี่ มีงานซ่อมที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่รถจักรยานจนถึงรถยนต์หรูหราราคาแพง ของชนชั้นสูงทำให้เขาได้เรียนรู้มากมาย

.

ก้าวเข้าสู่โลกของมอเตอร์สปอร์ต

.

ในปี 1923 ในช่วงนี้วงการแข่งขันรถยนต์ระดับโลกกำลังเริ่มเฟื่องฟู หนุ่มน้อย โชอิชิโร กำลังแตกเนื้อหนุ่มความเร็วความแรงก็ย่อมเป็นที่น่าสนใจเป็นเรื่องปกติ เจ้าของร้าน อาทโชไก ที่เขาทำงานด้วย ก็สนใจมอเตอร์สปอร์ตเหมือนกัน เขาคิดจะสร้างรถขึ้นมาเองเพื่อการแข่งขันครั้งนี้ด้วย

.

รถแข่งรุ่นแรก ที่พวกเขาทำมันขึ้นมามันคือ อาท เดมเลอร์  มันถูกสร้างมาจากเครื่องยนต์มือสอง แล้วต่อมาก็สร้างรุ่นที่ 2 ชื่อ เดอะ เคอตอส  ในรุ่นที่ 2 นี้เครื่องยนต์ของมันมาจากเครื่องยนต์ของเครื่องบิน 2 ปีกในสมัยนั้น ส่วนแชสซี ของรถ นำมาจากรถของคนอเมริกันยี่ห้อ มิชเชล พวกเขาตัดสินใจประกอบรวมร่างมันขึ้นมา

-

ในปี 1924 ก็ลงแข่งขันในรายการ motor car ของญี่ปุ่นครั้งที่ 5

ผู้ขับขี่ในครั้งนี้คือพี่ชายของเจ้าของร้านอาทโชไก และ โซอิจิโร่ เป็นวิศวกรให้

ในวัย 17 ปี กับการเปิดโลกมอเตอร์สปอร์ต ความเร็วและเครื่องยนต์กลไกมันซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเขา  ทำให้เขาประทับใจมาก

.   

ในปี 1926 เขาถูกเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ผ่านเพราะเขาตาบอดสี

ในปี 1928 ร้าน อาทโชไก  ต้องการขยายสาขาที่เมือง ฮามามัตสึ และคนที่เหมาะสม สำหรับตำแหน่งนี้มากที่สุดก็คือ โซอิจิโร่ คนนี้นี่เอง ในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 21 ปี ปัญหาที่เขาเจอคือ คนส่วนใหญ่ไม่กล้าให้เขาทำการซ่อมแซม เพราะ เขาหน้าตายังเด็ก และอายุยังน้อย ดูไม่น่าเชื่อถือเลย แต่เขาทนทำจนเป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมา

.

ในปี 1930 กิจการของเขาเริ่มไปได้ด้วยดี เขาทำร้านใหม่และมีลูกจ้างมากถึง 30 คน ในขณะนั้น เขาเป็นทั้งนักซ่อมรถยนต์และเป็นนักแข่งรถด้วย

.

เขาได้สร้างรถยนต์สำหรับการแข่งขันที่ฮามามัตสึ เจ้ารถยนต์ตัวนี้ มันทุบสถิติ โดยการทำความเร็วสูงสุดถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสถิติความเร็วนี้อยู่ได้นานมาจนถึง 20 ปี  ทุกคนต่างยอมรับในความเก่งกาจ ทั้งเรื่องการซ่อมรถ และการแข่งรถของเขา ในเดือนมิถุนายน เขาก็ประสบอุบัติเหตุในการแข่งขันอย่างรุนแรง

.

ในปี 1931  เขาสร้างความฮือฮา ให้วงการยานยนต์ โดยการเปลี่ยนจากล้อไม้ เป็นซี่ล้อโลหะครั้งแรก และมีการจดสิทธิบัตรเอาไว้


ในปี 1936  โซอิจิโร เขาประสบอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขันรถยนต์ ที่ทามากาวะ รุนแรงเกือบถึงชีวิต ภรรยาเขา ขอร้องให้เขาหยุด เขาจึงจำเป็นต้องหยุด เขาเริ่มศึกษาการผลิตแหวนลูกสูบ โดยปรึกษาคุณ ชิจิดร คาโตะ และก่อตั้ง บริษัท โตไก ไซกิ ขึ้นมา

-

ช่วง การพัฒนาธุรกิจ:

-

ในปี 1937 เขา เริ่มธุรกิจผลิตแหวนลูกสูบ

โตไก ไซกิ ตั้ังขึ้นมาเพื่อผลิตและส่งวงแหวนลูกสูบให้กับบริษัทโตโยต้า แต่กลับได้รับข่าวร้ายเพราะแหวนลูกสูบที่ส่งไปทดสอบมีแค่ 3 วงเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบคุณภาพ จากที่ส่งไปทั้งหมด 30,000 วง นับเป็นความล้มเหลวครั้งครั้งใหญ่ของเขา  เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้โซอิจิโร ต้องหันมาเรียนภาคค่ำ เพื่อเรียนรู้ตำราและทฤษฎีโลหะวิทยา เพื่อให้เข้าถึงการผลิตที่มีคุณภาพ เพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่า เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญเท่ากับลงมือปฏิบัติจริง และหลังจากนั้น เขาใช้ความรู้ที่มีมาผลิตแหวนลูกสูบ จนโตโยต้ายอมรับในที่สุด

-

ในปี 1941 ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะสงคราม เศรษฐกิจถดถอย แรงงานถูกเกณฑ์เข้าสู่สงครามจำนวนมาก 

-


ช่วงการก่อตั้งฮอนด้า


ในปี 1945  เหตุการณ์ที่แสนสาหัสก็เกิดขึ้น เมื่อ 13 มกราคม 1945 เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง ทำให้โรงานของเขาถล่ม เกิดความเสียหาย รุนแรง  ต่อมา โรงงานของ โซอิจิโรซัง ก็โดนระเบิดจากสงครามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาไม่สร้างมันขึ้นมาใหม่ เพราะตัวเขามองว่า ประเทศญี่ปุ่นกำลังย่ำแย่และขายธุรกิจให้กับโตโยต้า ไปด้วยมูลค่า 450,000 เยน ซึ่งหลังจากขายกิจการ เขารู้สึกท้อแท้ผิดหวัง จนกลายเป็นขี้เมาข้างถนนนานเกือบปี

-

ปี 1946  เมื่อภาวะสงคราม จบลง ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำมันอย่างหนัก ผู้คนส่วนใหญ่ต้องสัญจรกันด้วยการเดิน ไม่ก็ปั่นจักรยาน โซอิจิโร จึงลองคิดค้นเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาติดกับจักรยาน เพื่อให้ภรรยาของเขาใช้เดินทาง

-

ปี1947 ปีที่เป็นต้นตอของ ฮอนด้า ดรีมที่โด่งดัง   เมื่อคนอื่นพบจักรยานติดเครื่องยนต์ ก็เกิดความสนใจ และต้องการสั่งซื้อมัน เขาพัฒนาเครื่องยนต์ชุดแรก ชื่อ A-TYPE ในปี 1947  และต่อมาเขาสร้างรถมอเตอไซต์ในชื่อ Honda Dream (D-type) ซึ่งเป็นจักรยานยนต์รุ่นฮิต ที่สร้างชื่อให้กับเขา  รถรุ่นนี้ ทำให้Honda กลายเป็นบริษัทจักรยานยนต์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และหลังจากประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ 

.

ปี 1948 เขาได้ให้กำเนิดบริษัท Honda Motors ซึ่งเป็นบริษัทจักรยานยนต์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งนี้ คุณโซอิจิโร เขาได้ก่อตั้ง สถาบัน Honda Technical Research Institute ด้วย

-

ปี 1961 ฮอนด้า คว้าชัยชนะ 5 อันดับแรกในการแข่งขันรถมอเตอไซต์ รายการ Isle of Man TT or Tourist Trophy ทั่งรุ่น 125 และ 250 ซีซี

-

ปี 1970  คุณโซอิจิโร จึงเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานรถยนต์ระดับโลก

ปี 1980  คุณโซอิจิโร เขาได้พา Honda สู่ความยิ่งใหญ่ เป็น Top3 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น และของโลก

.

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ Honda ยังมีหลายธุรกิจที่หลายคนอาจไม่รู้ อาทิ Honda Aircraft Company บริษัทผลิตเครื่องบินที่ได้ศึกษาและพัฒนาเครื่องบิน jet aircraft มาตั้งแต่ปี 1980 และในปี 2003 “HA420 Hondajet” ได้ถูกนำมาใช้ในธุรกิจการบินอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมี อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ทาง Honda ก็ได้มีการพัฒนาเป็นของตัวเองมาตั้งแต่ปี 1986 โดย Asimo เป็นหุ่นยนต์ของ Honda ที่เรารู้จักกันดี

-

ช่วงเกษียณอายุ:

 คุณโซอิจิโร ลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทในปี 1973 แต่เขา ยังคงเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทหลังเกษียณ

-

วาระสุดท้ายของชีวิต

   - เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม  1991 ด้วยวัย 84 ปี ต่อมาเขาก็ได้รับการจารึกชื่อในทำเนียบ ปูชนียบุคคลยานยนต์โลก นับเป็นความสุดยอด เพราเขาชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้

--

คุณ โซอิจิโร่ ฮอนด้าเป็น ที่รู้จักในฐานะนักประดิษฐ์และผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ เขาสร้างบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อย และมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นและทั่วโลก

ขอคำคมและแนวคิด สั้นๆ หน่อยครับ

“ ชีวิตไม่คุ้มค่าที่จะอยู่หรอก ถ้าหากว่า ไม่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด" 


-------




ขอขอบคุณ

website 9carthai.com

website blueoclock.com

website  global.honda

Facebook เพจ เปลี่ยนชีวิต กับ ไผ่ ไซโค

Facebook เพจ The People

Youtube ช่อง BARCHETTA


วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ประวัติ honda

 


โซอิจิโร่ ฮอนด้า เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้า และเป็นหนึ่งใน นักธุรกิจที่ทรงอิทธิพล มากที่สุดของญี่ปุ่น ชายผู้นี้อยู่เบื้องหลัง Honda Motor Company ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก 

-------

ชายคนนี้

เขาคือ ราชาแห่งมอเตอร์ไซค์ เบอร์ 1 ของโลก

เขาคือ ตัวอย่างที่ดีสุด ของผู้เริ่มต้นจากความยากไร้ สู่แบรนด์ระดับของโลก

เขาคือ เด็กยากจนคนหนึ่ง จากต่างจังหวัด สู่ธุรกิจมูลค่าทรัพย์สิน 1 ล้านล้านบาท

เขาคือ ผู้วางรากฐาน สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุค

เขาคือ ผู้ผลิตรถ ที่คว้าชัยชนะในสนามแข่ง ทั้งยานยนต์สองล้อและสี่ล้อ 

เขาคือ ชายคนเอเชีย ถูกจารึกในทำเนียบปูชนียบุคคลยานยนต์โลก

เขาคือ ชายคนที่เป็นสุดยอด แห่งการยืนหยัดต่อสู้ จากขี้เมาข้างถนนสู่มหาเศรษฐี

เขาคือ ชายคนที่เป็น สุดยอดนักประดิษฐ์จากเศษซากแห่งสงคราม

เขาคือ เด็กเรียนไม่เก่ง แต่ปรับเปลี่ยน mindset เข้าสู่โหมดการเรียนรู้เฉพาะทาง และพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้

เขาคือ ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เขาคือ ผู้นำการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังระดับโลก ในนามฮอนด้า ดรีม

เขาคือ ผู้สร้างยอดขายรถยนต์ถล่มทลายในอเมริกา ในนาม Honda Civic

เขาคือ ผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด รุ่น Insight และ Clarity

เขาคือ ผู้ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ มากมายตั้งแต่ จักรยาน  หุ่นยนต์ จนถึงระดับเครื่องบินเลยทีเดียว

-

คนคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ กว่าจะมีชื่อติดระดับโลกแบบนี้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง สาหัสขนาดไหน มารับชมกันครับ

-

ครอบครัว ฮอนด้า

คุณ โซอิจิโร ฮอนด้า  เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 1906 ที่บ้านคอมโยะ ในอิวาตะ  จังหวัด ชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น บ้านของเขาตั้งอยู่ที่เชิงเขา ภูเขาไฟฟูจิ ดินแดนที่เต็มไปด้วยแผ่นดินไหว  ตัวเขาเองมีความหลงไหล ในเครื่องจักร และการทำงานของเครื่องยนต์ตั้งแต่วัยเยาว์  คุณพ่อของเขา คือคุณ เกไฮ และคุณแม่คือคุณมิกะ  (ขออภัยหากอ่านออกเสียงผิดนะคับ) คุณพ่อท่านเป็นชาวนาที่ชอบงานช่าง แต่ช่วงว่างก็รับซ่อมจักรยาน ตีเหล็กและงานอื่นๆ คุณพ่อเขามีทักษะด้านงานช่างฝีมือ และงานซ่อมที่ยอดเยี่ยมมากๆ  ส่วนด้านคุณแม่ ก็ทำงานเย็บปักถักร้อยและเป็นแม่บ้าน ความเป็นอยู่ในย่านนั้น เรียกว่า ยากจนแร้นแค้นเลยก็ว่าได้

-

ในวัยเด็ก

-

เขาเป็นคนไม่ชอบไปเรียนหนังสือ ไม่ชอบการอ่าน ไม่ชอบการเขียนเลย เขาหลงไหลในเครื่องยนต์และจักรกลมากกว่า ทำให้ในวัยเด็กของเขา   เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วยงานพ่อเขา มากกว่าจะอยากไปโรงเรียน

.

เมื่อเขาไม่อยากไปโรงเรียน  ทำให้ผลการเรียนของเขาตกต่ำมาก เมื่อคุณครูส่งจดหมายมาที่บ้าน เพื่อแจ้งเรื่องผลการเรียน เขาไม่อยากให้พ่อได้รับทราบเรื่องนี้ ไม่อยากให้พ่อต้องลงลายมือ ในเอกสารรับทราบ เขาจึงประดิษฐ์ ตราประทับปลอม ประทับตราลงไปแทนลายมือพ่อของเขา ซึ่งต่อมาพ่อเขาจับได้ และลงโทษเขา โดยการให้นั่งคุกเข่า และไม่ให้รับประทานอาหารกลางวัน

.

วันหนึ่ง โซอิชิโร กำลังเล่นอยู่ ทันใดนั้น เขา ได้ยินเสียงกึกก้องของอะไรบางอย่าง ซึ่งมันสามารถเคลื่อนที่ได้ เขาแปลกประหลาดใจ แล้วรีบวิ่งไปดู นี่คือครั้งแรกที่เขาได้พบเห็น เครื่องจักรประหลาดชนิดหนึ่งมีล้อ 4 ล้อที่ มันสามารถขับเคลื่อนได้  คนสามารถนั่งบนมันได้ สิ่งนี้คือ รถยนต์ 4 ล้อ ของ ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่น t  รถยนต์ของฟอร์ด คันนี้ ทำให้เขาต้องตกตะลึง มันเป็นเครื่องจักรที่แสนพิเศษ มันช่างตราตรึงใจ สำหรับเด็กคนนี้มาก เขาเกิดความสงสัยว่า มันขับเคลื่อนได้ยังไง และแล้วเขาก็วิ่งตามมัน เพื่อให้ได้ใกล้ชิดมันมากที่สุด

.

 เมื่อครั้ง เขาเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 เด็กชายโซอิชิโร  ได้มีโอกาสเห็นเครื่องบิน ในเดือนถัดมาหนูน้อยโซอิชิโร  พยายามแต่งตัวให้เหมือนนักบินมากที่สุด

.

ในปี 1922 เขาอ่านหนังสือพิมพ์และเห็นข่าวที่น่าสนใจ ในเนื้อข่าวระบุว่า บริษัทที่ให้บริการรถยนต์ในโตเกียว ชื่อว่า อาท โชไก  ต้องการรับสมัครคนเพื่อมาร่วมทำงาน เขาตัดสินใจส่งจดหมายขอเข้าร่วมงานและ เขาก็ได้งาน

-


ช่วงชีวิตวัยหนุ่ม 


ในวัย 15 ปี เขาจากบ้านที่แสนยากจน มุ่งหน้าสู่เมืองโตเกียว ที่แสนเจริญ ด้วยความคาดหวังว่าจะหางานเพื่อทำให้ชีวิตตนเองดีขึ้น ในร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ แต่งานที่เขาได้รับกลับเป็นงานเลี้ยงลูกของเจ้าของร้าน และงานเก็บกวาดขยะที่ร้าน เขารู้สึกหมดหวังและทำงานเก็บเงินไม่ได้เลย ในใจเขาก็อยากกลับบ้าน แต่ก็ทนทำต่อไป

ต่อมาเขาเริ่มได้รับความไว้วางใจ และขยับเข้ามาสู่ระบบงานซ่อมบำรุงเครื่องยนต์

การทำงานที่นี่ มีงานซ่อมที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่รถจักรยานจนถึงรถยนต์หรูหราราคาแพง ของชนชั้นสูงทำให้เขาได้เรียนรู้มากมาย

.

ก้าวเข้าสู่โลกของมอเตอร์สปอร์ต

.

ในปี 1923 ในช่วงนี้วงการแข่งขันรถยนต์ระดับโลกกำลังเริ่มเฟื่องฟู หนุ่มน้อย โชอิชิโร กำลังแตกเนื้อหนุ่มความเร็วความแรงก็ย่อมเป็นที่น่าสนใจเป็นเรื่องปกติ เจ้าของร้าน อาทโชไก ที่เขาทำงานด้วย ก็สนใจมอเตอร์สปอร์ตเหมือนกัน เขาคิดจะสร้างรถขึ้นมาเองเพื่อการแข่งขันครั้งนี้ด้วย

.

รถแข่งรุ่นแรก ที่พวกเขาทำมันขึ้นมามันคือ อาท เดมเลอร์  มันถูกสร้างมาจากเครื่องยนต์มือสอง แล้วต่อมาก็สร้างรุ่นที่ 2 ชื่อ เดอะ เคอตอส  ในรุ่นที่ 2 นี้เครื่องยนต์ของมันมาจากเครื่องยนต์ของเครื่องบิน 2 ปีกในสมัยนั้น ส่วนแชสซี ของรถ นำมาจากรถของคนอเมริกันยี่ห้อ มิชเชล พวกเขาตัดสินใจประกอบรวมร่างมันขึ้นมา

-

ในปี 1924 ก็ลงแข่งขันในรายการ motor car ของญี่ปุ่นครั้งที่ 5

ผู้ขับขี่ในครั้งนี้คือพี่ชายของเจ้าของร้านอาทโชไก และ โซอิจิโร่ เป็นวิศวกรให้

ในวัย 17 ปี กับการเปิดโลกมอเตอร์สปอร์ต ความเร็วและเครื่องยนต์กลไกมันซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเขา  ทำให้เขาประทับใจมาก

.   

ในปี 1926 เขาถูกเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ผ่านเพราะเขาตาบอดสี

ในปี 1928 ร้าน อาทโชไก  ต้องการขยายสาขาที่เมือง ฮามามัตสึ และคนที่เหมาะสม สำหรับตำแหน่งนี้มากที่สุดก็คือ โซอิจิโร่ คนนี้นี่เอง ในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 21 ปี ปัญหาที่เขาเจอคือ คนส่วนใหญ่ไม่กล้าให้เขาทำการซ่อมแซม เพราะ เขาหน้าตายังเด็ก และอายุยังน้อย ดูไม่น่าเชื่อถือเลย แต่เขาทนทำจนเป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมา

.

ในปี 1930 กิจการของเขาเริ่มไปได้ด้วยดี เขาทำร้านใหม่และมีลูกจ้างมากถึง 30 คน ในขณะนั้น เขาเป็นทั้งนักซ่อมรถยนต์และเป็นนักแข่งรถด้วย

.

เขาได้สร้างรถยนต์สำหรับการแข่งขันที่ฮามามัตสึ เจ้ารถยนต์ตัวนี้ มันทุบสถิติ โดยการทำความเร็วสูงสุดถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสถิติความเร็วนี้อยู่ได้นานมาจนถึง 20 ปี  ทุกคนต่างยอมรับในความเก่งกาจ ทั้งเรื่องการซ่อมรถ และการแข่งรถของเขา ในเดือนมิถุนายน เขาก็ประสบอุบัติเหตุในการแข่งขันอย่างรุนแรง

.

ในปี 1931  เขาสร้างความฮือฮา ให้วงการยานยนต์ โดยการเปลี่ยนจากล้อไม้ เป็นซี่ล้อโลหะครั้งแรก และมีการจดสิทธิบัตรเอาไว้


ในปี 1936  โซอิจิโร เขาประสบอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขันรถยนต์ ที่ทามากาวะ รุนแรงเกือบถึงชีวิต ภรรยาเขา ขอร้องให้เขาหยุด เขาจึงจำเป็นต้องหยุด เขาเริ่มศึกษาการผลิตแหวนลูกสูบ โดยปรึกษาคุณ ชิจิดร คาโตะ และก่อตั้ง บริษัท โตไก ไซกิ ขึ้นมา

-

ช่วง การพัฒนาธุรกิจ:

-

ในปี 1937 เขา เริ่มธุรกิจผลิตแหวนลูกสูบ

โตไก ไซกิ ตั้ังขึ้นมาเพื่อผลิตและส่งวงแหวนลูกสูบให้กับบริษัทโตโยต้า แต่กลับได้รับข่าวร้ายเพราะแหวนลูกสูบที่ส่งไปทดสอบมีแค่ 3 วงเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบคุณภาพ จากที่ส่งไปทั้งหมด 30,000 วง นับเป็นความล้มเหลวครั้งครั้งใหญ่ของเขา  เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้โซอิจิโร ต้องหันมาเรียนภาคค่ำ เพื่อเรียนรู้ตำราและทฤษฎีโลหะวิทยา เพื่อให้เข้าถึงการผลิตที่มีคุณภาพ เพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่า เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญเท่ากับลงมือปฏิบัติจริง และหลังจากนั้น เขาใช้ความรู้ที่มีมาผลิตแหวนลูกสูบ จนโตโยต้ายอมรับในที่สุด

-

ในปี 1941 ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะสงคราม เศรษฐกิจถดถอย แรงงานถูกเกณฑ์เข้าสู่สงครามจำนวนมาก 

-


ช่วงการก่อตั้งฮอนด้า


ในปี 1945  เหตุการณ์ที่แสนสาหัสก็เกิดขึ้น เมื่อ 13 มกราคม 1945 เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง ทำให้โรงานของเขาถล่ม เกิดความเสียหาย รุนแรง  ต่อมา โรงงานของ โซอิจิโรซัง ก็โดนระเบิดจากสงครามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาไม่สร้างมันขึ้นมาใหม่ เพราะตัวเขามองว่า ประเทศญี่ปุ่นกำลังย่ำแย่และขายธุรกิจให้กับโตโยต้า ไปด้วยมูลค่า 450,000 เยน ซึ่งหลังจากขายกิจการ เขารู้สึกท้อแท้ผิดหวัง จนกลายเป็นขี้เมาข้างถนนนานเกือบปี

-

ปี 1946  เมื่อภาวะสงคราม จบลง ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำมันอย่างหนัก ผู้คนส่วนใหญ่ต้องสัญจรกันด้วยการเดิน ไม่ก็ปั่นจักรยาน โซอิจิโร จึงลองคิดค้นเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาติดกับจักรยาน เพื่อให้ภรรยาของเขาใช้เดินทาง

-

ปี1947 ปีที่เป็นต้นตอของ ฮอนด้า ดรีมที่โด่งดัง   เมื่อคนอื่นพบจักรยานติดเครื่องยนต์ ก็เกิดความสนใจ และต้องการสั่งซื้อมัน เขาพัฒนาเครื่องยนต์ชุดแรก ชื่อ A-TYPE ในปี 1947  และต่อมาเขาสร้างรถมอเตอไซต์ในชื่อ Honda Dream (D-type) ซึ่งเป็นจักรยานยนต์รุ่นฮิต ที่สร้างชื่อให้กับเขา  รถรุ่นนี้ ทำให้Honda กลายเป็นบริษัทจักรยานยนต์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และหลังจากประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ 

.

ปี 1948 เขาได้ให้กำเนิดบริษัท Honda Motors ซึ่งเป็นบริษัทจักรยานยนต์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งนี้ คุณโซอิจิโร เขาได้ก่อตั้ง สถาบัน Honda Technical Research Institute ด้วย

-

ปี 1961 ฮอนด้า คว้าชัยชนะ 5 อันดับแรกในการแข่งขันรถมอเตอไซต์ รายการ Isle of Man TT or Tourist Trophy ทั่งรุ่น 125 และ 250 ซีซี

-

ปี 1970  คุณโซอิจิโร จึงเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานรถยนต์ระดับโลก

ปี 1980  คุณโซอิจิโร เขาได้พา Honda สู่ความยิ่งใหญ่ เป็น Top3 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น และของโลก

.

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ Honda ยังมีหลายธุรกิจที่หลายคนอาจไม่รู้ อาทิ Honda Aircraft Company บริษัทผลิตเครื่องบินที่ได้ศึกษาและพัฒนาเครื่องบิน jet aircraft มาตั้งแต่ปี 1980 และในปี 2003 “HA420 Hondajet” ได้ถูกนำมาใช้ในธุรกิจการบินอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมี อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ทาง Honda ก็ได้มีการพัฒนาเป็นของตัวเองมาตั้งแต่ปี 1986 โดย Asimo เป็นหุ่นยนต์ของ Honda ที่เรารู้จักกันดี

-

ช่วงเกษียณอายุ:

 คุณโซอิจิโร ลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทในปี 1973 แต่เขา ยังคงเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทหลังเกษียณ

-

วาระสุดท้ายของชีวิต

   - เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม  1991 ด้วยวัย 84 ปี ต่อมาเขาก็ได้รับการจารึกชื่อในทำเนียบ ปูชนียบุคคลยานยนต์โลก นับเป็นความสุดยอด เพราเขาชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้

--

คุณ โซอิจิโร่ ฮอนด้าเป็น ที่รู้จักในฐานะนักประดิษฐ์และผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ เขาสร้างบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อย และมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นและทั่วโลก

ขอคำคมและแนวคิด สั้นๆ หน่อยครับ

“ ชีวิตไม่คุ้มค่าที่จะอยู่หรอก ถ้าหากว่า ไม่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด" 


-------

ขอขอบคุณ

website 9carthai.com

website blueoclock.com

website  global.honda

Facebook เพจ เปลี่ยนชีวิต กับ ไผ่ ไซโค

Facebook เพจ The People

Youtube ช่อง BARCHETTA


วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เทสล่า อัจฉริยะสติเฟื่องที่โลกลืม 100 ปี


เทสล่า อัจฉริยะสติเฟื่องที่โลกลืม 100 ปี


 ตั้งแต่เราตื่นขึ้นมา จนเข้านอนอีกครั้ง รู้หรือไม่ ว่าสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ รอบตัวเรา เช่น รีโมท พัดลม ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ  ทีวี มือถือ วิทยุ  รวมไปถึงเครื่องมือทางการแพทย์ ทางการทหาร ล้วนเกี่ยวข้องกับชายคนนี้ เขาเป็นผู้บุกเบิก เขาประดิษฐ์คิดค้นมากมาย บอกเลยว่า เขาก็คือ ที่สุดในโลกคนหนึ่ง

 .

 

 ชายคนนี้  เขาเกิดมาในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสายฟ้าฟาด

 ชายคนนี้  เขาคิดเลขที่ซับซ้อนโดยที่ไม่จำเป็นต้องทดเลขใดๆ เลย ทุกอย่างผุดขึ้นในหัวเขาเองทั้งหมด

 ชายคนนี้  ออกแบบคิดแบบอุปกรณ์ไฟฟ้า เสร็จสรรพ ออกมาเป็นภาพทุกรายละเอียด ทุกอย่างผุดขึ้นในหัวเขาเองทั้งหมด

 ชายคนนี้   เขาจะหายป่วย ก็ต่อเมื่อได้อ่านหนังสือ

 ชายคนนี้   เขาไม่ชอบให้ใครสัมผัสตัว

 ชายคนนี้  แค่รู้ว่าจะได้เรียนวิศวะ ก็หายป่วยได้

 ชายคนนี้  เขาคือผู้ค้นพบไฟฟ้ากระแสสลับและใช้มันจนถึงปัจจุบัน

 ชายคนนี้  เขาคือ จุดเริ่มต้นของการสื่อสารแบบไร้สาย

 ชายคนนี้  เขาคือคู่ปรับของ โธมัส อัลวา เอดิสัน

 ชายคนนี้  เขาคือ บิดาแห่งวิศวกรรมไฟฟ้า

 ชายคนนี้  เขาคือคนคิดวิธีส่งสัญญาณไปดาวอังคาร คนแรกๆ ของโลก

 ชายคนนี้  คนที่ประดิษฐ์ ขีปนาวุธ ในชื่อ เดด เรย์ หรือ รังสีหายนะ

 ชายคนนี้  คนที่ประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

 ชายคนนี้  มุ่งมั่นคิดค้นสิ่งประดิษฐ์เพื่อมนุษยชาติมากกว่าเรื่องเงิน

 ชายคนนี้  เขาคือบุคคลต้นแบบ ที่ อีลอน มัส ยกย่องว่า อัจฉริยะจริงๆ แต่น่าเสียดาย เขาดันถูกลืมมาเป็นร้อยปี

 .

ใช่แล้ว เรากำลังหมายถึง นิโคลา เทสล่า  ชายคนนี้ เขาเปนใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร มารับชมกันครับ

.


นิโคลา เทสลา เกิดเมื่อ 10 กรกฎาคม ปี1986 เขาเป็นคนเซอร์เบียโดยกำเนิด   โดยเกิดที่หมู่บ้านท่ามกลางภูเขา ชื่อเมือง กอสพิค  (ในอดีตของออสเตรีย-ฮังการี )  ปัจจุบันคือสาธารณรัฐโครเอเชีย  ในค่ำคืนที่เขาเกิดมานั้นท้องฟ้ามืดมืดแต่ปรากฏว่ามีสายฟ้าฟาดลงมาพร้อมกับเสียงดังดังสนั่นทั่วบริเวณ  แม่ของเขาพูดเล่นๆ ว่า เด็กคนนี้คงเกิดมาพร้อมสายฟ้า   พ่อของเขาชื่อ  คุณ มิลูติน เทสลา  เป็นบาทหลวง  นิกายออร์โธดอกซ์  ส่วนแม่ เขาคือ คุณ  ดูกา มานดิช   ครอบครัวนี้ มีลูก5คน เทสลาเป็นลูกคนที่สี่ จากห้าคน  เขามีพี่น้องเป็นผู้หญิงสามคน ได้แก่ มิลก้า แองเจลิน่า และมาริก้า  พี่ชายเทสล่า เขาประสบอุบัติเหตุตกม้าจนเสียชีวิต  พ่อคาดหวังว่า เทสล่า จะเป็น บาทหลวง ตามพ่อเขา

-

ความฉลาดของดูกา

ดูกา แม่ของเทสล่า เธอไม่เคยได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนแบบคนทั่วไป เธออ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่ความจำเป็นเลิศมาก เธอสามารถท่องตำนานของชาวเซอเบียร์ ซึ่งมีความยาวหลาย 1000 คำได้แบบไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่คำเดียวซึ่ง คาดว่า เทสล่า ได้ความอัจฉริยะส่วนหนึ่งจากผู้เป็นแม่ นี่เอง

.

ช่วงปฐมวัยของเทสล่า

-

วันหนึ่ง  เทสล่านั่งเล่นกับแมว เขาลูบขนแมวเล่น ทันใดนั้น ปรากฏว่า มีไฟฟ้าสถิต วิ่งผ่านมือเขา เขารู้สึกแปลกๆ แต่น่าสนใจมาก    พ่อของเขา อธิบายว่านี่คือการคบกันของไฟฟ้าสถิต  ตั้งแต่นั้น มา เรื่องนี้ มันก็จุดประกายในหัวเขาทันที   เด็กชายคนนี้เค้ามีนิสัยชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่งเมื่อใดที่เขาป่วยถ้าได้อ่านหนังสืออาการป่วยจะหายไปทันที  เขาอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนจนพ่อเค้าต้องห้ามเพราะอ่านนานจึงทำให้สายตาเริ่มมีปัญหา  ช่วงเวลากลางคืนเขาจุดเทียนอ่านหนังสือยาวนานมาก จนเกินไปทำให้พ่อของเขาต้องเอาเทียนไปซ่อนเพื่อไม่ให้อ่านหนังสือ เด็กน้อยคนนี้ก็เลยคิด ประดิษฐ์เทียนขึ้นใช้เอง 


หนึ่งในหนังสือที่เขาชอบอ่านคืองานวรรณกรรมของคุณ ม๊าก ทะเวน ทุกครั้งที่เค้าอ่านเขาจะได้จินตนาการใหม่ใหม่เสมอ หนังสือหลายเล่มเขียนบรรยาย ถึงน้ำตกไนแองการ่า โดยปกติมนุษย์ทั่วไปยังจะคิดถึงความสวยงามของน้ำตกความพริ้วไวความสดชื่น แต่สำหรับเทสล่า เค้าจินตนาการไปถึงความแรงของสายน้ำ ที่สามารถตกลงมาเพื่อปั่นใบพัดทำให้เกิดพลังงานบางอย่างซึ่งจะอย่างมหาศาลเพราะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่  

.

สำหรับท่านที่จินตนาการความยิ่งใหญ่ของน้ำตกนี้ไม่ออก  ลองนึกถึงว่า น้ำตกมีความใหญ่ประมาณครึ่งกิโลเมตร ทรงครึ่งวงกลม น้ำมหาศาล น้ำไหลแรงพุ่งลงมาสู่ด้านล่างด้วยความสูง เท่ากับตึกสูง 20 ชั้น  มันยิ่งใหญ่จริงๆ


.

เทสล่า เป็นเด็กสุขภาพไม่แข็งแรงป่วยบ่อยมาก อาการที่เขาเห็นเป็นประจำคือแสงวูบวาบในหัว บางก็เป็นภาพหลอน เขามีอาการย้ำคิดย้ำทำ ด้วย

มีอยู่ครั้งนึงเค้าป่วยหนักอย่างรุนแรงอยู่ที่ห้องสมุด เขาค้นพบด้วยตนเองว่า อาการป่วยของเขาจะหายได้ทันทีถ้าได้อ่านหนังสือ รับเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก

.

ในวัยนี้ เขาเริ่มประดิษฐ์ เครื่องมือจับกบ ปืนอัดลม กังหันน้ำ  เขาบอกว่า แม่เขาเก่งกว่าเขาอีก

.

ในวัย 10 ขวบ เทสล่าได้เข้าเรียนหนังสือเค้าเป็นคนเรียนคณิตศาสตร์เก่งมาก ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ สอบวิชาคณิตศาสตร์ต้องใช้กระดาษทดเลข แต่สำหรับเขา เขาสามารถคิดทุกอย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่ในหัวโดยที่ไม่ต้องใช้กระดาษทดทดเลย จนคุณครูเข้าใจผิดคิดว่าเค้าทุจริตในการสอบ คุณครูทำการทดสอบเขา โดยการนำข้อสอบคณิตศาสตร์ของนักเรียนในชั้นที่สูงกว่ามาให้ทำเขายังทำได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ที่สำคัญไม่ต้องทดเลขอะไรเลย

.

ชีวิตเด็กมัธยม

เขาได้เข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนให้ ไฮเออเรียล จิมเนเซียม เขาสนใจมากที่สุดคือการเรียนวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการทดลองในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ 


.

กลับบ้าน แต่ป่วยเกือบตาย

.

เทสล่า วัย 18 ปี เค้ารู้ในสิ่งที่ตัวเองรัก คือเขาอยากเป็นวิศวกร แต่อย่างไรก็ตามความคิดนี้ขัดแย้งกับผู้เป็นพ่อเพราะพ่อต้องการให้เขาเป็นบาทหลวง 

.

ในหลักสูตรการศึกษาสี่ปี เค้าเรียนสำเร็จได้ในเวลาเพียงสามปี หนึ่งปีที่เหลือ เขาตั้งใจว่าจะเดินทางกลับบ้าน ในสมัยนั้นมีโรคระบาดเกิดขึ้นมากมายที่บ้านของเขา แม่เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้กลับบ้าน แต่เขาก็ไม่ฟังกลับมาจึงป่วยหนักมาก ป่วยติดต่อกันนานถึงเก้าเดือนเต็มเกือบถึงชีวิต  ในตอนนั้นถ้าเขาหายจากอาการป่วย มีทางเลือกอยู่สองทางคือหนึ่งไปเป็นทหาร  กับ สองไปเป็นบาทหลวง เขาไม่เลือกทั้งสองทาง เขาจะเป็น วิศวกรไฟฟ้า พ่อของเขาเลยบอกว่า ยอมให้เรียนวิศวะได้ เป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง โรคร้ายก็หายไปทันที

.

ในปี 1875 เทสล่า ได้เข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยเทคนิคทางทหารชื่อว่า อิมพีเรียล แอน รอยัล เทคนิคคอล อคาเดมี่  การเรียนที่นี่เค้าทำได้ดีที่สุด ลำดับที่ 1 และได้รับทุนการศึกษาตลอด  

.

ครั้งหนึ่ง ทางวิทยาลัย สั่งเครื่องจักร ที่ผลิตไฟฟ้ากระแสตรงมา เขาสนใจมาก เขาศึกษา แล้วเขาบอก อาจารย์ว่า ตัวนี้ไม่ค่อยดี ส่งไฟฟ้าไกลๆ ไฟฟ้าจะตกลง เพราะมีตัวต้านทาน อาจารย์เขาบอก ไม่น่าใช่นะ เริ่มขัดแย้งกันกับอาจารย์ แต่เขาก็คิดว่า จะหาทางพิสูจน์ให้ได้

.


 ในช่วงนี้เค้ายังหาได้พิเศษด้วยการทำงานในช่วงกลางคืนด้วย แต่ต่อมา ในปีที่สองของการเรียน เขาติดการพนัน  ในปีที่สาม  เทสล่า เอาทุนการศึกไปเล่นการพนันจนเกือบหมด แต่กลับมาคิดได้ จึงส่งส่วนที่เหลือให้ครอบครัวเขา ในที่สุดเค้าก็เรียนไม่จบจากวิทยาลัยนี้ เค้าไม่บอกให้คนในครอบครัวทราบและหนีไปอยู่ที่เมือง มาริบอ เมื่อพ่อเขาทราบเรื่อง ก็ตามมาขอให้เค้ากลับไปที่บ้านเก่า เขายอมกลับ แล้วต่อมาพ่อเขาก็เสียชีวิต ลุงของเขาอยากให้เขามีการศึกษา จึงรวบรวมเงิน และส่งเขาไปเรียนที่ ปร๊าก  ต่อมา ลุงเขาบอกว่า มีงานทำ ที่บูดาเปส  เพื่อนลุงเขาจะวางระบบโทรศัพท์ ให้เขามาเป็นวิศวกรให้หน่อย ทั้งๆ ที่เรียนไม่จบ แต่เขาฉลาด เขาช่วยปรับปรุงระบบใหม่ จนคนที่ทำงาน ยอมรับ ทุกคน ว่ากันว่า ที่นี่ เขาก็เริ่มมีสิ่งประดิษฐ์หลายอย่างแต่ไม่ได้จดสิทธิบัตรไว้

.

ในปี 1882 เขาทำงานให้กับ บริษัท คอนทิเนทอลเอดิสัน  หน้าที่ของเขาคือติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่างให้ทั่วเมือง การทำงานที่นี่ทำให้เขาได้ ประสบการณ์ในภาคปฏิบัติ และเกิดความชำนาญในวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า  จนในที่สุดเขาสามารถสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไดนาโมและมอเตอร์ได้  เขาถูกส่งไปแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมทั่วทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี

.

ต่อมา  เขาได้รับมอบหมายให้ทำการติดตั้ง ระบบไฟฟ้าในโอเปร่าเฮ้าส์ ในปารีส

 ที่นี่ ใช้ระบบไฟฟ้า กระแสตรงกันทั้งเมือง รวมถึงที่นี่ด้วย เขาใช้โอกาสนี้ ทดลองระบบไฟฟ้ากระแสสลับ เขาทดลองสำเร็จ แต่เก็บความลับไว้

 เขาถูกย้ายไป สำนักงานใหญ่ ที่ อเมริกา เพราะเป็นคนเก่ง  คู่ใจเจ้านาย ระหว่างจะเดินทางไป อเมริกา เขาโดนขโมยเงิน จนเหลือเงินแค่ 4 เพนนี

.

ที่นี่ เขาได้พบ ผมกับ ตัวพ่อ อย่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน   และแล้วเขาถูกส่งไปทำงานที่ โรงงาน เอดิสัน เมชขีน เวิค ส่วนของการผลิตเครื่องจักร เทสล่าเขาประทับใจเอดิสันมาก เพราะเขาเก่ง เขาขยันมากๆ เทสลา ก็ขยันมากกับการซ่อมไดนาโม ที่ติดตั้งบนเรือ ที่ต้องการให้มันปั่นไฟ ใช้เองได้

.

  เทสล่าบอกว่า เขาพยายามจะดัดแปลงเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรงของเอดิสัน ให้มันปั่นไฟ ใช้บนเรือได้เอง เอดิสัน เขาก็คิดชื่นชมในใจ และกล่าวท้าทายเทสล่า ไปว่า ถ้าคุณทำมันได้ดีกว่าของผม ผมจะจ่ายให้คุณ 50,000 ดอลลาร์ ( ถ้าเทียบสมัยนี้น่าจะหลายล้านมาก ) 

.

 เทสลา ลงมือทำ ทันที ทำแบบได้ถึง 20 แบบ เอดิสัน เห็นแบบ แล้วทึ่ง และเห็นแนวโน้มว่า มันทำได้จริงๆ เราจะต้องเสียตังค์แน่ๆ 

.

เอดิสัน เห็นท่าไม่ดี  ยิ้มกลบเกลื่อน แล้วพูดเลี่ยงบาลี เพื่อไม่ต้องเสียเงินว่า นี่คุณไม่เข้าใจอารมณ์ขันของคนอเมริกันหรอ เขาหยอกกันเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไร. 


เอดิสัน ผิดคำพูดต่อเทสล่า อย่างรุนแรง นี่ขนวนเหตุแห่งรอยร้าวของสองนักประดิษฐ์ 

เทสล่า ลาออก เพราะไม่ยอมรับพฤติกรรมแบบนี้ ของ เอดิสัน เทสล่าเขาหางานใหม่ แต่เศรษฐกิจไม่ดี เขาทำงานรับจ้างโดยใช้แรงงานขุดดิน รายได้วันละ 2 ดอลลาร์ 

ระหว่างนั้นเขาเล่า เรื่องไฟฟ้ากระแสสลับในที่ทำงานแต่ เจ้านายเขาได้ยิน และบอกว่า ตนมีคนรู้จักคนหนึ่ง ชื่อ บราว เขาเป็นช่างไฟฟ้า  ถ้าคุณสนใจ จะพาไปพบและลองสร้างดู มาดูกันสิ  ที่โม้ไว้มันจะทำได้จริงไหม

.

พอ บราวน์ ได้ฟังเทสล่าบรรยาย เขาก็จุดประกาย ชวน เทสลา เปิดบริษัท  เขาทึ่งมากในไอเดียนี้   บริษัทนี้ ตั้งขึ้นโดยใช้ชื่อว่า เทสล่าอิเลคทริค คอมพานี จดสิทธิบัตร ในปี1887

.

ในปี 1888  เทสล่าได้ เสนอโปรเจค ในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในงานนี้เขาได้พบกับ  จอจ เวสติ้ง เฮาส์ ซึ่งเขาเป็น นักธุรกิจใหญ่อยู่แล้ว  เวสติ้งเฮาส์  เขาสนใจมาก    ช่วงนั้น การส่งไฟฟ้า ทำได้ไกลสุดแค่ 2 กม.  เลยจากนั้น แรงดันไฟจะตก เวสติ้งเฮาส์ บอกนี่คือ โอกาสจะแข่งกับเอดิสันได้   เขาตกลง จะซื้อ สิทธิบัตรของ เทสลา เขาได้ขายสิทธิบัตรมาในราคา  60,000 ดอลลาร์  เทสล่ารวยอู้ฟู่ทันที

เขาส่งเงินให้ครอบครัว และ บราวน์ เขาเป็นคน กตัญญูมาก  เอดิสัน เริ่มสืบ ก็รู้ว่า เทสล่า อยู่ เบื้องหลัง เวสติ้งเฮาส์

.

เอดิสัน ต้องการให้ เทสล่า เสียชื่อเสียง เขาจึงคิด วิธี ทำให้ ไฟฟ้ากระแสสลับ ต้องตกเป็นจำเลยสังคมให้ได้ เอดิสันเขา เสนอให้ทางการ ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับช็อตนักโทษ และสัตว์ต่างๆ  ถึงชีวิต และบอกว่า นี่คือ ข้อเสียของไฟฟ้ากระแสสลับ

.

ในสมัยนั้น มีภาพยนตร์บันทึกไว้ ที่ฮือฮาคือ ช็อตไฟฟ้าที่ช้าง จนล้มได้ แล้วบอกว่า เครื่องช็อตนี้ ของฝั่ง เทสล่าผลิต มันเลวร้านมาก ช่วงนั้น ทุกคน จดจำภาพลบ เพราะคิดว่า กระแสสลับมีโทษสูง   ทำให้ ธุรกิจของ เวสติ้งเฮาส์ ยำแย่ลง 

.

เทสล่า โคตรแมน เขาเห็นใจ จอจ เวสติ้งเฮาส์ และวัดใจโดยการไม่รับผลตอบแทน ใดๆ เขาทำการฉีกสัญญาสิทธิบัตร ที่ต้องชำระเงินให้เขา ทิ้งไปทันที  เพื่อนต้องช่วยเพื่อนในยามยาก

.

แล้วเขาก็เดินทางมาที่ นิวยอร์ก เขาทำห้องทดลองใหม่ และเชิญผู้เชี่ยวชาญมารับชมการทดลองของเขา  เขาลงทุนเอาตัวเอง เป็นสะพานไฟ โดยมือข้างหนึ่งถือหลอดไฟ มืออีกข้างจับสายไฟ ไฟฟ้าวิ่งผ่านตัวเขา ทันใดนั้นหลอดไฟก็สว่างจ้าขึ้นมา เขาสาธิตให้เห็นถึงความปลอดภัยของไฟฟ้ากระแสสลับ

.

ต่อมา เขาสร้างขดลวดเทศล่าขนาดใหญ่ บางคนเรียก เทศล่าคอยย์  ปล่อยกระแสไฟฟ้า เปนสายฟ้าพุ่งออกมาแบบฟ้าผ่า แต่เขานั่งอยู่โดยไม่อันตรายเลย

.

และเขาก็ยังสร้าง สนามแม่เหล็กหมุน หรือ ที่เราเรียกว่า มอเตอร์ ในปัจจุบัน นี่คือ ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของโลกเลยทีเดียว  เพราะมันซ่อนอยู่ในแทบจะทุกอุปกรณ์ไฟฟ้าเลย

.

ในปี 1891 เขาได้เป็นพลเมืองอเมริกา เต็มตัว แม่เขาป่วยและเสียชีวิต กลับจากงานศพแม่ เขาได้ข่าวจาก  เวสติ้งเฮาส์ ว่า เขาชนะเลิศ ได้งานเป็นผู้ติดตั้งระบบไฟฟ้าในงาน เวิลด์ โคลัมเบีย เอกซ์โป งานนี้ ใช้หลอดไฟถึง 20000 หลอด จัดงานยาวนานถึง 6 เดือน เขาได้งานเพราะระบบไฟฟ้าเขา ต้นทุนต่ำกว่าเอดิสัน ที่สำคัญ ใช้เครื่องผลิตไฟฟ้า แค่เพียงตัวเดียวแต่สว่างได้ทั้งงาน นี่คือ ความพ่ายแพ้ของ เอดิสันเต็มรูปแบบ ชื่อเสียงของ เทสล่า กลับมาแล้ว

.

ต่อมา ในงานชิคาโกเวิลแฟร์  เทสล่า โชว์ไฟนีออนดัด ทำเป็น ป้ายไฟครั้งแรก 

.

ในปี1894 เขาเจอกับนักวรรณกรรม มาร์ก เทวน  สนิทสนมกัน  เทสล่า ก็คิดเครื่องแก้ท้องผูกให้เขา 

.

เขาเป็นคนแรกที่ประดิษฐ์เครื่อง เอกซเรย์ เรียกว่า ชาโดว์กราฟ แต่ไม่ได้จดสิทธิบัตร 

.

ต่อมา เขาไปที่น้ำตกไนแองการ่า เขาต้องการสร้างโรงไฟฟ้าที่นี่ เขาเสนอโปรเจค ให้ผู้ว่าการเมืองนิวยอร์คโดย บริษัท จอจ เวสติ้งเฮาส์  จนในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติให้สร้างได้ งานสร้างครั้งนี้ยิ่งใหญ่จนมีการสร้างปฏิมากรรมที่ระลึกให้เทสล่าไว้ด้วย

.

เทสลาคิดค้นการส่งคลื่นวิทยุ การส่งภาพ และเสียง ในระยะไกลๆ    

.

ในปี 1901 มาโคนี่ ได้ทดลองส่งสัญญาณข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำเร็จ และจดสิทธิบัตร เทสล่าบอกว่า  เขาเปนคนดี ให้เขาทำต่อไป ทั้งๆ ที่มี 17 รายการซ้ำซ้อนกับเทสล่า  มาโคนี่ ได้รับรางวัลโนเบล แต่ 40 ปี ต่อมา ศาลกลับคำขอเพิกถอนสิทธิบัตรของมาโคนี่ ให้เป็นของ เทสล่า  

.

ต่อมา   ในงาน อีเล็คทริค เอ็กซิบิชั่น เทสล่าเปิดตัว งานประดิษฐ์เรือบังคับด้วยวิทยุตัวแรกของโลก 

เป็นต้นกำเนิด ของ โดรนบังคับ ระบบรีโมท อื่นๆ 

.

เทสล่าเขาสร้างหอคอย วอเดิลคลิฟ เพื่อทำโครงการไฟฟ้าไร้สาย ที่โคโลราโด่ ใช้ เงินลงทุน 2000000 ดอลลาร์ จาก เจพี มอร์แกน  แต่มาขัดแย้งกันเชิงนโยบาย เทสล่าต้องการให้คนใช้ฟรี แต่ เจพีมอร์แกน จะทำธุรกิจ  ทำให้โครงการต้องล้มเลิกไป 

.

ต่อมา เขาก็ทำห้องแล๊บขึ้น แต่ก็เกิดไฟไหม้ มีความสูญเสียอย่างมาก เขาจึงย้ายไปอยู่ที่ นิวยอร์ก โรงแรมเดอะนิวยอร์กเกอร์ ห้อง 3327 ที่นี่ ในวัย 86ปี เขาใช้ชีวิตคนเดี๋ยวยวแค่ในห้อง และออกสู่ภายนอก แค่ตอนกลางคืนเพื่อ เอาอาหารให้นกพิราบ เขาประทังชีวิตด้วย แครกเกอ และนม เท่านั้น


  ก่อนเสียชีวิต คืนหนึ่ง เทสล่าลงมาและถูกรถแกซี่ชน เขาบาดเจ็บ แล้วขึ้นไปเสียชีวิตที่ห้องพัก FBI เขารื้อค้นทรัพย์สินของเขา ทำให้ เอกสารสำคัญบางอย่างของเขา หายไป 


.

ในปี 19660 หลังการเสียชีวิตของเทสล่า 17 ปีชื่อของเทสล่าได้รับเกียรติ ให้ใช้เป็นชื่อหน่วยความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กหรือการเหนี่ยวนำด้วยพลังแม่เหล็ก

.

โรคประหลาดของเทสล่า

เทสล่า เขามีอาการประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา ทำให้เขากลัวการสัมผัสทางร่างกายกับบุคคลอื่น เขาจึงปฏิเสธความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม และการแตะเนื้อต้องตัวหรือการจับมือกับใคร ได้แต่โกหกว่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในห้องทดลอง นอกจากนี้ เทสลามีปัญหาทางประสาทในวัยเด็ก ที่เขาต้องทุกข์ทรมาน จากโรคย้ำคิดย้ำทำ เขาบอกว่า มันมีแสงแว๊บเข้าตา จากนั้น แค่ได้ยินเสียงสิ่งของ เขาสามารถ เห็นรายละเอียดได้ทุกชิ้นส่วนเลย เขาป่วยหนักต่อมา เกิดอาการประสาทไวต่อสิ่งเร้า เขาอยู่ในแสงจ้าไม่ได้ แสงจะแผดเผาผิวเขาจนพุพอง

.

พฤติกรรมแปลกๆ ของเขา

ทานอาหาร ก็ต้องใช้ไม้บรรทัดวัดขนาด วัดความจุ ในแต่ละมื้อ เสื้อผ้าต้องมีสีขาวนำ ต้องเรียบสะอาด ตลอดเวลา เขามักจะทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันซ้ำ ๆ หลายครั้ง จนกว่าจำนวนครั้งที่ทำจะหารด้วย 3 ได้ลงตัว ถ้าไม่ลงตัวเขาจะทำใหม่จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น การนับก้าวเดิน จำนวนครั้งที่นิโคลาชอบเป็นพิเศษคือ 27 เพราะว่ามันเท่ากับ 3 ยกกำลัง 3 ( 3x3x3 )

.

ความรู้เพิ่มเติม

-

กระแสไฟฟ้าบนโลกเรามีอยู่ 2 แบบ คือ กระแสไฟฟ้าแบบตรง (DC) ที่พัฒนาโดย ทอมัส เอดิสัน และ กระแสไฟฟ้าแบบสลับ (AC) ของ เทสลา โดยกระแสไฟฟ้าแบบสลับของเทสลานั้นมีความพิเศษตรงที่สามารถส่งออกไฟฟ้าในระดับแรงดันสูง ๆ ได้โดยที่แรงดันไฟฟ้าไม่ตก

-

เทสล่า เขาเคยกล่าวถึงศาสนาพุทธว่า

ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งในจำนวนศาสนิกและความสำคัญ

-

ผลงานโดดเด่นของเทสล่า

เขาเป็นเจ้าของสิทธิบัตร 112 ฉบับ ในสหรัฐอเมริกา และ 196 สิทธิบัตรจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ ตัวอย่างผลงานที่โดดเด่นมากๆ เช่น

-

1.ผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา และค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลา

2.ผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สาย 

3.ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟแบบใช้ก๊าซให้แสงสว่าง หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์

4.ผู้คิดทฤษฎีของเครื่องเรดาร์

5.ผู้คิดรีโมตคอนโทรล

6.ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ

7.แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า


ขอขอบคุณ


ช่องยูทูป Fndiary  และ

ช่องยูทูป techoffside และ

ช่องยูทูป  the why files และ

ช่องยูทูป  Charlie solis และ

เว็บไซต์ stkc.go.th และ

เว็บไซต์  altv.tv และ

เว็บไซต์ ปลูกปัญญา. com