วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วิลเลี่ยม เจมส์ ไซดิส อัจฉริยะที่ถูกลืม

ถ้าพูดถึงความอัจฉริยะหลายคนคงนึกถึง อัลเบิร์ตไอสไตล์ บ้างก็นึกถึงเณรน้อยเจ้าปัญญา บ้างก็นึกถึงเจ้าหนูชินจัง และคนอื่นๆ อีกมากมาย แต่มีมีอยู่ท่านหนึ่งที่เป็นอัจฉริยะแต่โลกดันลืมเขา 

.

 ชายคนที่ มีไอคิวสูงถึงประมาณ 260 ถึง 300

 ชายคนที่ มีไอคิวสูงมากกว่าอัลเบิร์ตไอน์สไตล์

 ชายคนที่ พูดได้ภาษาทั้งที่มีอายุเพียงแปดขวบ

 ชายคนที่ คิดค้นภาษาด้วยตนเอง

 ชายคนที่ เรียนเรียนรู้และแตกฉานได้สูงสุดถึง 40 ภาษา

 ชายคนที่ เรียนระดับประถมศึกษาใช้เวลาเพียงหนึ่งปี

 ชายคนที่ เรียนระดับมัธยมศึกษาใช้เวลาเพียงหกสัปดาห์

 ชายคนที่ เริ่มสะกดเป็น ตั้งแต่วัยหนึ่งขวบ

 ชายคนที่ ที่มีขีดความสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดได้ด้วยวัยเพียงเก้าปี

 ชายคนที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วยอายุที่น้อยที่สุด

 .

 ใช่แล้ว เขาคือ วิลเลี่ยม เจมส์ ไซดิส อัจฉริยะคนนี้ เขาเปนใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร มารับชมกันครับ

 .

 โดยปกติแล้ว 95% ของมนุษย์ทั่วไปนั้น มีไอคิวอยู่ที่ 70 ถึง 130  ส่วนคนที่มีไอคิวสูงเกิน 136 ก็จัดว่าเป็นอัจฉริยะ แต่สำหรับคนบางประเภทในเรื่องต่อไปนี้เขามีไอคิวสูงถึง 260 ถึง 300 เลยทีเดียว โดยนิยามของคำว่าเด็กอัจฉริยะ นั่นหมายถึงว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ขวบที่มีความรู้ความสามารถ เหนือกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป บุคคลคนนี้เขาคือ วิลเลียมเจมส์ไซดิส  เขาคือบุคคลหนึ่งที่ถูกจัดเป็นเด็กอัจฉริยะ ระดับจักรวาล

 .

 อพยพหนีสงคราม

.

 เล่าย้อนกลับไปในปลายศตวรรษที่ 19 ในสมัยนั้น พ่อแม่เขาอพยพมาเนื่องจากการโจมตีของกลุ่มต่อต้านกลุ่ม เซเมติก อย่างรุนแรงในประเทศยูเครน ( สมัยนั้นยูเครนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย ) 


.

ซารา  และบอริส สองสามีภรรยาได้อพยพลี้ภัย มายังประเทศอเมริกาเช่นเดียวกับชาวรัสเซียเชื้อสายยิว อีกจำนวนมาก   บริษัทเป็นคนมีการศึกษาสูง เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาวาด และต่อมาได้เข้าทำงาน ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา ส่วนคุณซาร่าผู้เป็นแม่ เธอมีความรู้ในด้านการแพทย์อย่างดี

ในวันที่ 1 เมษายนปี 1989 เขาได้ให้กำเนิดบุตรชายชื่อว่า วิลเลียม เจมส์ ไซดิส คุณบอริสและซาร่า ช่วยกันเลี้ยงดู สอนลูกให้รู้จักตัวอักษรและการผสมคำ 

..

เพียงแค่ 6 เดือน วิลเลี่ยม ก็สามารถสะกดคำว่า door ได้ และเดือนต่อมาสามารถสะกดคำว่า moon  ได้ เมื่ออายุเพียง 8 เดือน วิลเลี่ยม สามารถใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้ ซาร่า ร้องด้วยความตื่นเต้นและบอกนี่คือ สิ่งที่เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครสอนเขา เขาใช้เหตุผลในการทำมันออกมาเอง แม่เขาเรียกว่า การใช้เหตุผลตามธรรมชาติ แล้วต่อมาแม่ของเขาก็ใช้วิธีนี้ในการสอนให้วิลเลี่ยม ให้รู้จักสะกดคำอื่นๆ

.

แม่เขาบอกว่า เขาไม่ได้ใช้การจดจำแบบคนปกติ แต่เขาใช้วิธีเน้นจดจำไปที่รูปแบบและโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ เช่น เราสะกดคำว่า b a t ค้างคาว  เขาใช้วิธีการเปลี่ยน ตัวเอ ออกไปเป็นสระตัวอื่น จนได้คำใหม่ขึ้นมา และจดจำมันไว้โดยใช้หลักการนี้ 

.

ขณะที่เด็กวัย 1 ขวบส่วนใหญ่จะยังพูดอ้อแอ้ไม่เป็นภาษา แต่วิลเลี่ยมสามารถสะกดคำง่ายๆบางคำได้แล้ว ซาร่า เห็นพัฒนาการของลูกที่สามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กทั่วไปมาก เธอจึงลาออกจากงาน เพื่อเอาเวลามาสอนลูกของเธอให้เฉลียวฉลาดมากยิ่งขึ

.

5 ขวบ วิลเลี่ยมลากเก้าอี้ตัวสูงขึ้นนั่งเคาะแป้นพิมพ์ดีดเขียนจดหมายสั่งซื้อของเล่นส่งถึงห้างสรรพสินค้าเมซี่ย์ด้วยตัวเอง และต่อมาเขาก็ขวนขวายเรียนรู้ในสาขาวิชาต่างๆด้วยตัวเองโดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ เช่น ละติน กรีก ฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมัน และฮิบรู ก่อนจะถูกส่งตัวเข้าเรียนไวยากรณ์เมื่ออายุได้ 6 ขวบ

.

ด้วยวิธีการแบบนี้ทำให้วิลเลี่ยมในวัย 8 ขวบสามารถเข้าใจหลักการพื้นฐานของโครงสร้างภาษา ซึ่งต่อมาเขาสามารถเรียนรู้ได้ทั้ง ภาษาลาติน ภาษากรีก ภาษาเยอรมัน ภาษารัสเซีย ภาษาฮิบรู ภาษาตุรกี ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอาเมเนีย และ ภาษาอังกฤษ ไม่เพียงเท่านี้เขายังพยายามคิดค้นภาษาเป็นของตนเองชื่อว่า ภาษาเวนเดอร์กู๊ด ซึ่งภาษานี้ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งยุโรป 

.

ก่อนเข้านอนคนทั่วไปจะอ่านหนังสือ เทพนิยาย  แต่สำหรับพ่อแม่ของเขานั้นจะอ่านหนังสือตำนานของกรีก ทำให้เขาเรียนรู้และจดจำ ดาวเคราะห์ในจักรวาล ได้อย่างแม่นยำ

.

ทุกเวลาของวิลเลี่ยมคือการเรียนรู้

.

เขาไม่มีเวลาสำหรับการเล่น  เขาไม่มีเวลาทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ หรือเล่นเกมใดๆ ในช่วงพัก  ในหัวของพ่อเขาการที่เด็กๆ วิ่งไล่เล่นกันแบบนั้น เป็นเรื่องที่ไร้สาระไร้ความหมายสิ้นดี  ความบันเทิงของวิลเลี่ยม นั้นมีอย่างเดียวก็คือการนั่งรถราง  ไปที่ พิพิธภัณฑ์ห้องสมุด สวนสาธารณะและสวนสัตว์  

.

ต่อมาเขาได้เขียนหนังสือ collection เกี่ยวกับรถราง ซึ่งลงลึกในรายละเอียดได้อย่างลึกซึ้ง มีความยาวถึง 300 หน้า สามารถอธิบายละเอียดจนน่าทึ่ง รวมกว่า 1600 แบบ 

william ใช้เวลาเรียนชั้นประถมศึกษา ในเวลาไม่ถึง 1 ปี ใช้เวลาเรียนระดับมัธยมเพียง 6 สัปดาห์ การศึกษาก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วของเขาไปสะดุดตาสื่อมวลชน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์นำเรื่องราวของวิลเลี่ยม ไซดิส เด็กอัจฉริยะมาลงในคอลัมน์หลายต่อหลายครั้ง

.

บอริสและซาราฮ์ภาคภูมิใจกับความเฉลียวฉลาดของวิลเลี่ยม แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาอยากรู้ก็คือพวกเขามีอิทธิพลต่อความเป็นอัจฉริยะของวิลเลี่ยมหรือไม่ หรือว่าวิลเลี่ยมสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็วด้วยตัวของเขาเอง

.

นักหนังสือพิมพ์แห่กันมา พิสูจน์ว่าเขาเป็นคนบ้าหรือคนโรคจิตหรือเป็นแค่ตัวประหลาด ทำให้เขาไม่มีเวลาส่วนตัวเลย

.

เอมมี่ วอลเลซ นักเขียนชีวประวัติคนหนึ่งเคยเล่าประวัติของ william ว่า  เขาเป็นบุคคลประหลาดในสายตาของนักเรียนทั่วไป เขาไม่สง่างามทางสังคม เขาไม่สนใจในเรื่องกีฬาและเด็กผู้หญิง.

.

ขอเข้าเรียน แต่วัยไม่ได้

บิดาพยายามส่งเขาเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในอายุเพียง 9ขวบ หากแต่ถูกทางมหาวิทยาลัยปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า เขายังเด็กเกินไป ยังขาดการพัฒนาการทางอารมณ์ที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย แต่บอริสไม่ยอมแพ้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการบริหาร โน้มน้าวให้มหาวิทยาลัยยินยอมรับวิลเลี่ยมเข้าศึกษา ระหว่างรอการตอบรับ จาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาด  วิลเลี่ยมฆ่าเวลาด้วยการไปเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัยทัฟต์ เปิดอ่านหนังสือคณิตศาสตร์ มองหาข้อผิดพลาดในหนังสือและทำการแก้ไข ค้นหาข้อมูลทฤษฎีต่างๆที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขียนและมองหาช่องโหว่ 

ในช่วงเวลานี้เองวิลเลี่ยมค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเองอีกอย่างคือ เขาสามารถคำนวณในใจบอกได้ว่าวันที่นั้นๆของเดือนและปีนั้นๆเป็นวันอะไรได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นวันในอดีตหรือวันในอนาคต ต่อมาในปี 1909 เขาก็ได้เข้าเรียน เขากลายเป็นนักศึกษาที่มีอายุน้อยที่สุดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

.

มกราคม 1910  วิลเลี่ยมได้รับเชิญให้บรรยายเรื่องคณิตศาสตร์ 4 มิติ (Four-Dimension Bodies) ต่อหน้าผู้ทรงคุณวุฒิและนักศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ชั้นสูง 

 ด้วยวัยเพียง 11 ปีเขา เขาก็ได้บรรยายในชมรมคณิตศาสตร์ เขาสามารถบรรยายในสิ่งที่แนวคิดทางคณิตศาสตร์เขียนไว้อย่างซับซ้อนได้มากกว่าอายุขัยของ

ศาสตราจารย์เดเนียล คอมสต็อก จากมหาวิทยาลัย MIT ถึงกับทำนายว่าในอนาคตวิลเลี่ยมจะเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20 


 หลังจากบรรยายไม่นานเขาก็ป่วย หนังสือพิมพ์พากันตีแผ่ว่าเขาเป็นโรคจิต 

.

วิลเลี่ยมจบการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยมีเกียรตินิยมพ่วงท้ายด้วยวัยเพียง 16 ปี เขาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บอสตันเฮราลด์ว่าเขาต้องการมีชีวิตสมบูรณ์แบบด้วยการใช้ชีวิตสันโดษไม่ยุ่งเกี่ยวกับสังคม อีกทั้งยังสาบานว่าจะไม่แต่งงาน ขอครองพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิต


.

หลังจากออกจากมหาวิทยาลัยฮาวาด เขาเข้ารับตำแหน่งเพื่อสอนวิชาคณิตศาสตร์ในสถาบัน ไรซ์ ซึ่งในปัจจุบันชื่อว่า มหาวิทยาลัยไรซ์ ในฮูสตัน แต่วิลเลี่ยมสอนอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ลาออกเนื่องจากเขาถูกกดดันจากบรรดาลูกศิษย์ที่มีอายุมากกว่าหลายปี

.

อยู่ที่นี่ด้วยวัยเพียง 17 ปีเขาถูกล้อเลียนเสมอว่าแค่เรื่องจูบผู้หญิงก็ยังไม่เคยทำ 

.

เขาอยู่ที่ rice เพียง 8 เดือนจึงเข้าศึกษาที่ ฮาวาด ลอ สคูล  แต่รอบนี้ไม่ทราบสาเหตุของการลาออกของเขาในช่วงเทอมสุดท้ายและเขาก็ไม่ได้รับปริญญาด้านกฎหมายด้วย 

.

เมื่อความทราบถึงพ่อแม่ของเขาเขาถึงกับโกรธจัดมาก และบอกกับคนอื่นว่า ลูกของตนไม่ได้เรียนหนังสือเพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งมันไม่เป็นความจริง

.

williams เขาเป็นคนที่ไม่ชอบสงครามและหลงใหลในเรื่องการเมือง เขาได้เข้าร่วมการชุมนุมวันแรงงานในบอสตันชุมนุมต่อต้านสงครามและชุมนุมเพื่อสิทธิงาน ซึ่งจัดโดยกลุ่มสังคมนิยมที่ชอบความรุนแรง วิลเลี่ยมเข้าร่วมชุมนุมประท้วงคัดค้านการเกณฑ์ทหาร การประท้วงครั้งนี้บานปลายเป็นการจลาจล วิลเลี่ยมถูกจับกุมตัว บอริสวิ่งเต้นช่วยลูกชายให้พ้นคุกภายใต้เงื่อนไขควบคุมความประพฤติและกักบริเวณเป็นเวลา 1 ปี

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 

.

ช่วงที่เขาถูกจับเข้าไปอยู่ในคุก และที่นี่เองเขาก็ได้พบรักกับ มาธา โฟลีย์ เด็กสาวชาวไอริส ในวัย 20 ปี

.

หลังจากนั้นเขาก็ติดตาม มาธ่า ไปที่นิวยอร์ก william ได้จูบ มาธ่า แต่เขาสัญญาว่าจะไม่มีอะไรมากกว่านั้น

.

ไม่อาจทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ที่แน่ๆ williams พกรูปของเธอไว้ในกระเป๋า จนกระทั่งวันที่เขาตาย

.

มาธาได้แต่งงานกับนักเขียนคนหนึ่งและได้ร่วมก่อตั้งนิตยสารวรรณกรรมเรื่อง  สตอรี่ ซึ่งเนื้อหาในเรื่องก็บันทึกความทรงจำของเธอนั่นเอง มันน่าแปลกใจที่เธอกล่าวถึง วิลเลี่ยม เพียงแค่บรรทัดเดียว เธอเรียกเขาว่าอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงและโศกนาฏกรรม เด็กชายคนแรกที่จ่ายค่าศาลให้ฉัน

.

ในปี 2468  หนังสือของวิลเลี่ยมที่อธิบายเรื่องอุณหภูมิศาสตร์ เขาได้อธิบายเรื่องของจักรวาลที่มุ่งหน้าไปสู่ความตายด้วยความร้อน .

.

ในหนังสือเรียนชื่อว่า the animate and the inanimation

.

เขาได้อธิบายเรื่องความเป็นไปได้ในการกลับทิศทางของจักรวาล

.

แต่น่าเสียดายไม่มีใครสนใจงานวิชาการของเขาเลย

.

ตั้งแต่นั้นมาเขาก็หยุดเขียนเรื่องเกี่ยวกับฟิสิกส์คณิตศาสตร์และจักรวาลไปเลย

.


บั้นปลายชีวิต 


วิลเลี่ยม หลบหน้าหลบตาหนีผู้คน

ในวัย 30 ปี william อาศัยอยู่ที่บอสตันและทำงานที่ต่ำต้อย โดยรับหน้าที่เป็นเสมียนในสำนักงาน  เมื่อมีใครจำเขาได้ วิลเลี่ยมก็จะลาออกหนีไปหางานใหม่ แม้วิลเลี่ยมจะเอือมระอากับเรื่องตัวเลขแต่เขาก็ยังคงความหลงใหลในเรื่องภาษา วิลเลี่ยมเรียนรู้ภาษาอื่นๆ จนแตกฉานมากถึง 40 ภาษา

เขาก็เป็นศักยภาพความเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เทียบเท่ากับไอน์สไตน์ หรือเทียบเท่ากับมาร์โคนี่ ด้วย

.

ต่อมาเขาอยู่ที่ new york เขาได้รับทำงานเกี่ยวกับการใช้แรงงานต่างๆ และได้รับค่าจ้างเพียง 23 ดอลลาร์ต่ออาทิตย์

.

เขาปกปิดความอัจฉริยะจากเพื่อนร่วมงาน

.

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาไม่รับงานที่ได้ค่าตอบแทนสูงและไม่ยอมใช้สติปัญญาที่เขามี

.

มีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่การรถไฟต้องการช่างเขาให้แก้ปัญหาในระดับสูงทางเทคนิคแต่เจ้าหน้าที่คนนั้นพบว่าเขากำลังนั่งร้องไห้

.

william เขาบอกว่าเขาอดคิดเรื่องคณิตศาสตร์ไม่ได้ 

.

ในครั้งหนึ่ง หมอได้ว่าจ้างเขา เข้าแก้ปัญหาทางทันตกรรมโดยใช้ทักษะด้านคณิตศาสตร์ เพื่อช่วยในเรื่องการจัดฟัน เขาเสนอเงินให้วิลเลี่ยมสูงถึง 55,000 ดอลลาร์ แต่วิลเลี่ยมก็ปฏิเสธ

.

william เขาสารภาพกับป้าคนหนึ่งว่า ชีวิตของเขาไม่เคยถูกสอนแม้กระทั่งวิธีผูกเชือกรองเท้าเลย พ่อแม่ของเขาให้การศึกษาเขาที่ดี แต่พวกเขาล้มเหลวในเรื่องพื้นฐานการดูแลตัวเองให้เขา เรื่องสุขอนามัยประจำตัวเขาไม่ดูแลเลย เขาไม่อาบน้ำให้ผมจนปล่อยให้ผมมีกลิ่นเหม็นรุนแรง

.

พ่อของ williams เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดในสมองแตกในปี 2466 แต่เขาก็ไม่ไปร่วมงานเลย

.

william บอกว่าเขาไม่ต้องการพบพ่อแม่ของเขาอีกแล้ว สาเหตุเพราะว่าเขาใช้วิธีการครอบงำเขาตั้งแต่เด็ก

.

halena ผู้เป็นน้องสาวของวิลเลี่ยม บอกว่าพ่อของเขาเหนื่อยหน่ายกับวิลเลี่ยมจนไม่อยากสอนเธอ เธอจึงได้รับการศึกษาที่ไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตามเธอได้ความรู้ ไก้รับคำสั่งสอนดีๆ จากผู้เป็นพี่ชาย เขาคือ วิลเลี่ยม นี่เอง

.

williams สอนให้น้องสาวหัดอ่านหัดเขียน จนเธอสามารถผ่านการทดสอบและเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้

.

ลมหายใจสุดท้าย

.

วันที่ 13 กรกฎาคม 2487 เจ้าของบ้านเช่าของวิลเลี่ยม 

พบเขาอยู่ในห้องเล็กๆ ที่มืดมิดมี wallpaper เก่าๆ เขาใช้ชีวิตที่นี่รวมๆ แล้วประมาณ 5 ปีโดยที่ไม่มีใครรู้จัก  ไม่มีใครสนใจและไม่ได้รับการดูแลใดๆเลย

.

สภาพสุดท้ายของเขาคือคนที่มีน้ำหนักมากจนเกิดภาวะความดันโลหิตสูงและเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง เขาหมดสติในหอพักเล็กๆ 

.

เขาเสียชีวิตแบบคนอนาถาตามลำพังในห้องเช่าในเมืองบอสตัน ด้วยสาเหตุเส้นเลือดในสมองแตก และนำไปสู่โลกปอดบวมจนถึงแก่ชีวิต เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 1944

.

เรื่องของเขาถูกฝังไว้กับพ่อของเขาใน รัฐนิวแฮมเขียร์ ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ เมื่อครั้งมีชีวิตไม่ค่อยลงรอยกัน

.

หลายคนมองว่า william ถูกกดดันมากเกินไปจากครอบครัว

.

ขอบขอบคุณ

กระทู้จากพันทิพโดย คุณ มิสเตอร์ เทอแรน 20 ตุลาคม 2556 และ

YouTube ช่องอับดุล thai tube และ 

YouTube ช่องjoe scott และ

YouTube ช่อง  newsthink และ

YouTube ช่อง today  i found  out