วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

#ครูบาฉ่าย

 ครูบาฉ่าย คัมภีรปัญโญ แห่งวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์

พระผู้ซึ่งแสดงธรรมะที่ดุดัน ชัดแจ้ง เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นอย่างแท้จริง

-

ครูบาฉ่าย  คนอุดร ท่านเล่าว่า ท่านเป็นเหมือนบุคคลทั่วไป

ตามประสาวัยรุ่น จะดีก็ไม่ดี จะชั่วก็ไม่ชั่ว ตามปกติ

ท่านจบด้านศิลปะ ต่อมาได้เปิดโรงงานหล่อพระ

ระหว่างนั้นก็ศึกษาธรรมะด้วย รวมถึงทุกศาสนา

-

เหตุที่ศึกษา  ท่านสงสัยว่าเราเกิดมาทำไม

ตอนเด็กๆ เพื่อนพาไปศาสนาอะไรก็ไปหมด 

เรียกว่าไร้ศาสนา ก็ว่าได้

ตอนนั้น ท่านไม่เชื่อสนิทใจในศาสนา ทำตามปกติงั้นๆ

เข้าร่วมเฉยๆ เพราะศาสนาไม่ตอบโจทย์อะไรเลย

จึงศึกษาหมดทุกศาสนา

ศึกษาแบบทั้งเจาะลึก และผิวเผิน

ในใจลึกๆ ท่านสงสัยว่าเราเกิดมาทำไม

แต่พิเศษ สำหรับศาสนาพุทธนั้น 

ท่านอ่านพระไตรปฏก มาจนหมดสิ้น

-

ครั้งหนึ่ง ท่านนั่งฟังนิยาย เพชรพระอุมา

ในยูทูป แต่โฆษณาคั่นเปน ธรรมะ

เป็นคลิปธรรมะของท่าน หลวงพ่อชา สุภัทโท

เรื่อง สมมุติ และ วิมุติ  ด้วยความที่ท่านขี้เกียจกดข้าม

 เลยฟังต่อ ท่านทนฟังเฉยๆ ด้วยลักษณะ

การนำเสนอน่าฟัง เลยฟังต่อเรื่อย ไม่ข้าม


เนื้อหาในคลิปคือ

หลวงพ่อชาท่านถามว่า มีใครรู้ว่าวันเกิดตัวเองไหม

ในใจทุกคนคิดว่า รู้สิ

ท่านถามอีกว่า ถ้าพ่อแม่โกหกละ ถ้าเขาแจ้งวันเกิดผิดละ ?


ครูบา ท่านสะกิดใจในคำตอบ ว่า นี่คือคำตอบที่จริงสุด

เราเชื่อแค่ตามเขาบอก

หลวงพ่อชา ท่านพูดเรื่องจริง พูดจริงท่สุด เท่าที่เคยได้ยินมา

 ท่านจริงเริ่มศีกษาต่อ

-

ช่วงแรก ท่านไม่ปฏิบัติ เน้นฟังอย่างเดียว

ต่อมา เลยอยากบวช ปกติท่านมีนิสัย ชอบแก้ปัญหา

ชอบหาคำตอบ เป็นทุนเดิม

 คลิปที่ท่านฟัง เป็นคลิปของหลวงตามหาบัว เป็นหลัก

ฟังจนศรัทธา จนเชื่อเพราะท่านเล่า 

คราวนี้จึง อยากลองของจริง

พอปิดเทอมเลยกลับ อุดรธานี มาบวช

-

ท่าน ไม่เคยรู้มาก่อนว่า พุทธศาสนา มี 2 นิกาย

ไม่รู้ข้อปฏิบัติอะไรทั้งสิ้น บวชวัดบ้านๆ ทั่วไป

แม่แนะนำ เพราะเจ้าอาวาสเป็นญาติกัน

พอบวชแล้วศรัทธา ความเพียรตามมา 

พยายามทำตามพระวินัยเต็มกำลัง

-

ท่านเล่าว่า

เราไม่รู้ว่าธรรมะคืออะไร จึงเน้นสมาธิเป็นหลัก

เน้นตามหา ความสงบก่อน

ต่อมาไปเจอหนังสือ มุดโตทัย ของหลวงปู่มั่น

เล่มนั้น เก่าๆ บางๆ ปลวกเจาะแล้ว

-

หนังสือ ท่าบอกให้ นั่งเหมือน พระพุทธรูป ตั้งใจ 

หายใจเข้า พุทธ หายใจออก โธ

หายใจเข้า ธรรม หายใจออก โม 

หายใจเข้า สัง หายใจออก โฆ

-

ทำแล้วได้ทั้งความสงบและไม่สงบ ทำไปเรื่อยๆ

ท่านให้เลือกเอาคำบริกรรมสัก1 อย่างมาแนบติดกับลมหายใจ

-

หนังสือทำนบอกแค่นี้ อาการใดจะเกิดแล้วแต่วาสนาของบุคคล

ตอนบวช ท่ารับกรรมฐาน 5 

ท่านก็คิดอยู่กับกับ กรรมฐาน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง


ไม่คิดถึงอนาคตและ อดีต ใจไม่วุ่นวายในอนาคตและอนาคต

ทำเรื่อยๆ จนวันที่ 7 ที่บวช จนล้า กำลังนอนพัก

ในใจท่านจั้งใจว่า ตื่นเมื่อไหร่ จะปฏิบัติ ทันที

-

รู้ตัวอีกทีตอนตี1 ครึ่ง ท่านอยากเข้าห้องน้ำแต่อยู่ไกล เพราะห้องน้ำแยก

เลยคู้ขานัั่งรอ จนฝนหยุด ทำพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อรอฝน

-

ทันใดนั้น… สภาวะความเจ็บปวดของกายหาย หายไปตอนไหนไม่รู้

ลมหายใจหาย เสียงฝนตกที่ลงแผ่นสังกะสี ดับหาย ร่างกายไม่มี

ลืมปวดฉี่สนิทตอนไหนไม่รู้ ลืมหมด

ความรู้ทั้งหมดไปอยู่ในความเบาลออยู่ สว่างไสว เพลินอยู่นั้นนาน

ไม่รู้วันเวลา นานเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่มีความคิดใดๆอยู่เลย

ไม่ปรุงแต่ง ไม่มีความจำ มีแต่ความรู้ ล้วนๆ

บังคับบัญชาไม่ได้ ท่านว่า ขันธ์ขาด แต่เราไม่รู้ตัวไม่รู้จัก

-

เวลา 8 โมง เช้า จิตท่าน คลาย นานกว่าจนลืมตา เริ่มได้ยินเสียงต่างๆ

 พุทโธกลับมา ลืมตาอีกที 8 โมงเช้า ความปิติท่วมท้น ความสุขทำให้ท่านต้องร้องไห้ ท่านเล่าว่า มันอิ่ม สดชื่น ไม่ฉัน 3 วันอยู่ได้สบายๆ นี่คือครั้งแรก

แต่ท่านไม่รู้จัก ว่ามันคืออะไร

-

โปรดติดตามตอนต่อไป

ที่มา ช่องยูทูบ พระสิ้นคิด

ตอน ประวัติครูบาฉ่าย คัมภีรปัญโญ กับการสนทนาผ่าน live ครั้งแรก (คลิปปี65) #ครูบาฉ่าย


-




ต่อมาท่านก็อยากได้ความสุขแบบนั้นอีก 

พยายยามทำเป็นเดือน แต่ท่านทำยังไงก็ไม่ได้

ทำจนท้อ เลยอยากสึก เพราะท้อมาก

โยมแม่บอกให้ไปเรียนก่อน ตอนนั้นอยู่ปี 3

ในใจอยากสึกอยู่แล้ว